การฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มในสิบกว่าประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2004 ยังมีสภาพลักลั่นกันอยู่ โดยในขณะที่บางประเทศฟื้นตัวกลับมามีเศรษฐกิจเฟื่องฟูจากเงินช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่บางประเทศกลับยังคงอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยจากการบริหารจัดการความช่วยเหลือที่ผิดพลาด
ในอาเจะห์และเกาะไนอาส ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตไปถึงราว 168,000 คน การฟื้นฟูสภาพพื้นที่จัดว่าประสบความสำเร็จ
สำนักงานการฟื้นฟูบูรณะอาเจะห์-ไนอาส (บีอาร์อาร์) ระบุว่าทางการใช้เงิน 6,700 ล้านดอลลาร์จากเงินบริจาคช่วยเหลือมูลค่า 7,200 ล้านดอลลาร์ สร้างบ้านเรือน 125,000 หลัง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่โรงเรียนไปจนถึงถนนหนทางและสะพานต่างๆ
ทว่าหลายฝ่ายก็วิตกอยู่ว่า หากโครงการฟื้นฟูยุติลงและเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศหดหายตามไป อาเจะห์อาจจะหวนกลับไปสู่ความทุกข์ยากและความไร้เสถียรภาพ เนื่องจากในปัจจุบันอัตราการว่างงานสูงราว 10 เปอร์เซ็นต์ และคงเพิ่มขึ้นอีกหลังจากบีอาร์อาร์ปิดโครงการความช่วยเหลือไป
แม้สึนามิจะช่วยยุติสงครามในอาเจะห์ แต่ที่ศรีลังกา กลุ่มทมิฬแบ่งแยกดินแดนกลับพยายามขัดขวางการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตไปถึง 31,000 คน ทุกวันนี้ผู้รอดชีวิตอีก 10,000 คนจึงยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในค่ายพักชั่วคราว
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของศรีลังการะบุว่าในปี 2005 มีการใช้จ่ายเงินเพียง 13.5 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,160 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นรัฐบาลก็ไม่เคยอนุมัติเงินใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ การเสียเปล่าและการทำงานแบบสุกเอาเผากินของรัฐบาลยังเห็นได้ชัดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยรัฐบาลสั่งทำลายข้าวและถั่วต่างๆ กว่า 5 ตันที่โครงการอาหารโลกเพื่อช่วยเหลือเหยื่อสึนามิบริจาคให้ เนื่องจากการแจกจ่ายของบริจาคเนิ่นช้าจนเน่าเสียเสียก่อน
การบริหารจัดการผิดพลาดเป็นปัญหาเช่นกันในมาเลเซีย ซึ่งแม้จะมีผู้เสียชีวิตไปเพียง 68 คน แต่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพบว่ามีการจัดสรรเงินช่วยเหลือผิดพลาดทำให้บ้านเรือนที่ปลูกสร้างใหม่มีคุณภาพเลว ส่วนเรือประมงที่ได้รับบริจาคมา ก็ไม่เหมาะสมกับสภาพของน่านน้ำ
สำหรับในไทยซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5,400 คนนั้น แม้ธุรกิจท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่ก็กลับต้องเผชิญกับความผันผวนทางการเมืองที่ยังดำเนินต่อไป
ในอาเจะห์และเกาะไนอาส ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตไปถึงราว 168,000 คน การฟื้นฟูสภาพพื้นที่จัดว่าประสบความสำเร็จ
สำนักงานการฟื้นฟูบูรณะอาเจะห์-ไนอาส (บีอาร์อาร์) ระบุว่าทางการใช้เงิน 6,700 ล้านดอลลาร์จากเงินบริจาคช่วยเหลือมูลค่า 7,200 ล้านดอลลาร์ สร้างบ้านเรือน 125,000 หลัง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่โรงเรียนไปจนถึงถนนหนทางและสะพานต่างๆ
ทว่าหลายฝ่ายก็วิตกอยู่ว่า หากโครงการฟื้นฟูยุติลงและเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศหดหายตามไป อาเจะห์อาจจะหวนกลับไปสู่ความทุกข์ยากและความไร้เสถียรภาพ เนื่องจากในปัจจุบันอัตราการว่างงานสูงราว 10 เปอร์เซ็นต์ และคงเพิ่มขึ้นอีกหลังจากบีอาร์อาร์ปิดโครงการความช่วยเหลือไป
แม้สึนามิจะช่วยยุติสงครามในอาเจะห์ แต่ที่ศรีลังกา กลุ่มทมิฬแบ่งแยกดินแดนกลับพยายามขัดขวางการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตไปถึง 31,000 คน ทุกวันนี้ผู้รอดชีวิตอีก 10,000 คนจึงยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในค่ายพักชั่วคราว
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของศรีลังการะบุว่าในปี 2005 มีการใช้จ่ายเงินเพียง 13.5 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,160 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นรัฐบาลก็ไม่เคยอนุมัติเงินใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ การเสียเปล่าและการทำงานแบบสุกเอาเผากินของรัฐบาลยังเห็นได้ชัดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยรัฐบาลสั่งทำลายข้าวและถั่วต่างๆ กว่า 5 ตันที่โครงการอาหารโลกเพื่อช่วยเหลือเหยื่อสึนามิบริจาคให้ เนื่องจากการแจกจ่ายของบริจาคเนิ่นช้าจนเน่าเสียเสียก่อน
การบริหารจัดการผิดพลาดเป็นปัญหาเช่นกันในมาเลเซีย ซึ่งแม้จะมีผู้เสียชีวิตไปเพียง 68 คน แต่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพบว่ามีการจัดสรรเงินช่วยเหลือผิดพลาดทำให้บ้านเรือนที่ปลูกสร้างใหม่มีคุณภาพเลว ส่วนเรือประมงที่ได้รับบริจาคมา ก็ไม่เหมาะสมกับสภาพของน่านน้ำ
สำหรับในไทยซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5,400 คนนั้น แม้ธุรกิจท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่ก็กลับต้องเผชิญกับความผันผวนทางการเมืองที่ยังดำเนินต่อไป