พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 1 และนครบาล หลังจากนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายแพทย์เหวง โตจิราการ และนางประทีป อึ้งทรงธรรม ได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และก่อการร้าย กรณีชุมนุมปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมทั้งยึดหอบังคับการบิน
พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะนำคำสั่งของศาลแพ่งที่ระบุว่า การชุมนุมปิดกั้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) ของพันธมิตรฯ เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาประกอบการพิจารณาและสอบสวนตามขั้นตอน เว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ขณะเดียวกัน ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรมตามพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อได้หลักฐานให้เปิดกฎหมายดูว่า เข้าองค์ประกอบฐานใดบ้าง ยืนยันว่า จะไม่มีการตั้งข้อหาลอยๆ เด็ดขาด พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานหลักฐานเข้าหักล้าง ส่วนข้อหาก่อการร้ายมีโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐานว่า เพียงพอเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ หากหลักฐานเพียงพอก็จะสรุปสำนวนให้อัยการพิจารณาต่อไป
พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะนำคำสั่งของศาลแพ่งที่ระบุว่า การชุมนุมปิดกั้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) ของพันธมิตรฯ เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาประกอบการพิจารณาและสอบสวนตามขั้นตอน เว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ขณะเดียวกัน ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรมตามพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อได้หลักฐานให้เปิดกฎหมายดูว่า เข้าองค์ประกอบฐานใดบ้าง ยืนยันว่า จะไม่มีการตั้งข้อหาลอยๆ เด็ดขาด พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานหลักฐานเข้าหักล้าง ส่วนข้อหาก่อการร้ายมีโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐานว่า เพียงพอเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ หากหลักฐานเพียงพอก็จะสรุปสำนวนให้อัยการพิจารณาต่อไป