นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยอมรับว่า เมื่อกลไกตามระบอบรัฐสภาไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง การเคลื่อนไหวนอกสภาฯ ที่รัฐธรรมนูญเปิดทางจึงเกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและมีการละเมิด หรือไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย สร้างความลำบากใจในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิฯ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการวางตัวไม่ให้เกิดความเข้าใจว่า เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน
ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ จึงทำหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ด้วยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ประธานคณะกรรมการสิทธิฯ เรียกร้องให้สังคมเข้ามามีบทบาท โดยเฉพาะการจัดเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็นให้หลากหลาย เพื่อให้เข้าใจ ให้เข้าถึงความสนใจของสังคม ออกจากปัญหาความขัดแย้งเพียงแค่คน 2 กลุ่ม โดยคาดหวังให้สื่อมวลชนเป็นเจ้าภาพเสนอมุมมองอื่น นอกเหนือจากความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ จึงทำหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ด้วยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ประธานคณะกรรมการสิทธิฯ เรียกร้องให้สังคมเข้ามามีบทบาท โดยเฉพาะการจัดเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็นให้หลากหลาย เพื่อให้เข้าใจ ให้เข้าถึงความสนใจของสังคม ออกจากปัญหาความขัดแย้งเพียงแค่คน 2 กลุ่ม โดยคาดหวังให้สื่อมวลชนเป็นเจ้าภาพเสนอมุมมองอื่น นอกเหนือจากความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น