หลังยื่นคำร้องสอดเพิ่มเติม หรือคู่กรณีฝ่ายที่ 3 เพื่อขอให้กรรมการบริหารพรรคเป็นจำเลยร่วม ในคดีที่อัยการสูงสุดฟ้องร้องศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี
นายยืนหยัด ใจสมุทร และนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แถลงในนามที่ปรึกษากฎหมายและทีมทนายความ ที่ได้รับอำนาจจากพรรค ว่า คณะทำงานเตรียมพร้อมชี้แจงข้อกล่าวหา และดำเนินคดีในชั้นไต่สวน ของศาลต่อไป โดยย้ำว่า มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการชี้แจง รวม 19 หน้า ที่จะแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรค 5 ปี โดยเฉพาะบทบัญญัติในมาตรา 237 วรรคแรก กรณีการกระทำผิดของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ปี 2550 นั้น นายยงยุทธ ยังไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่เข้าข่ายตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้ยุบพรรคพลังประชาชนได้
ทั้งนี้ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องที่พรรคพลังประชาชนยื่นขอ และมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาการยื่นคำชี้แจงในข้อกล่าวหาที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยขอมา โดยกำหนดให้ยื่นได้เวลา 17.00 น.ของวันนี้ (19 พ.ย.) เป็นวันสุดท้าย
นายยืนหยัด ใจสมุทร และนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แถลงในนามที่ปรึกษากฎหมายและทีมทนายความ ที่ได้รับอำนาจจากพรรค ว่า คณะทำงานเตรียมพร้อมชี้แจงข้อกล่าวหา และดำเนินคดีในชั้นไต่สวน ของศาลต่อไป โดยย้ำว่า มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการชี้แจง รวม 19 หน้า ที่จะแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรค 5 ปี โดยเฉพาะบทบัญญัติในมาตรา 237 วรรคแรก กรณีการกระทำผิดของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ปี 2550 นั้น นายยงยุทธ ยังไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่เข้าข่ายตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้ยุบพรรคพลังประชาชนได้
ทั้งนี้ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องที่พรรคพลังประชาชนยื่นขอ และมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาการยื่นคำชี้แจงในข้อกล่าวหาที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยขอมา โดยกำหนดให้ยื่นได้เวลา 17.00 น.ของวันนี้ (19 พ.ย.) เป็นวันสุดท้าย
