นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมแก้ปัญหาผลปาล์มดิบล้นตลาดและราคาตกต่ำร่วมกับสมาคมสกัดน้ำมันปาล์ม เกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงแนวทางการเข้าแทรกแซงราคาน้ำมันปาล์มเพื่อให้ผลปาล์มดิบราคาสูงขึ้น
นายไชยา กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแทรกแซงแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ กระทรวงพลังงานจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 20,000-30,000 ตัน ซึ่งจะรอผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ส่วนแนวทางที่ 2 กระทรวงพาณิชย์จะแทรกแซงผ่านโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยให้โรงงานซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ในราคา 3.50 บาทต่อกิโลกรัม และกระทรวงพาณิชย์จะซื้อน้ำมัน ปาล์มต่อจากโรงงานสกัดในราคา 22.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเงินในส่วนนี้จะขอการสนับสนุนจากกระทรวง การคลังเป็นผู้จัดหาให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบ อยู่ที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม ณ โรงงานสกัด ขณะที่เกษตรกรขายผลปาล์มดิบได้ 2.20 บาทต่อกิโลกรัม ไม่สามารถอยู่ได้ อีกทั้งขณะนี้ปริมาณผลปาล์มดิบอยู่ในภาวะล้นตลาด มีปริมาณถึง 300,000 ตัน ดังนั้นการเข้าแทรกแซงครั้งนี้ จะสามารถดึงผลปาล์มดิบออกจากตลาดได้ 150,000 ตัน ใช้เงินรวม 3,000 ล้านบาท มั่นใจว่า จะทำให้ราคาปาล์มดิบสูงขึ้น สำหรับราคาน้ำมันปาล์มปัจจุบันอยู่ที่ 15.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเท่ากับรัฐบาลจะรับภาระส่วนต่างอยู่ประมาณ 6 บาทต่อกิโลกรัม แต่คาดว่า เมื่อดึงผลปาล์มดิบออกจากตลาดได้ จะทำให้ราคากระเตื้องขึ้น ทำให้ภาระส่วนต่างในการชดเชยของรัฐบาลลดลง
อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) กระทรวงพาณิชย์จะหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อสรุปผลเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และเม็ดเงินในการดำเนินการครั้งนี้
ด้านเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่มาประชุมซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ ต่างพอใจราคาแทรกแซงของรัฐบาลที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็จะรอผลการประชุมวันพรุ่งนี้อีกครั้ง
นายไชยา กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแทรกแซงแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ กระทรวงพลังงานจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 20,000-30,000 ตัน ซึ่งจะรอผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ส่วนแนวทางที่ 2 กระทรวงพาณิชย์จะแทรกแซงผ่านโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยให้โรงงานซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ในราคา 3.50 บาทต่อกิโลกรัม และกระทรวงพาณิชย์จะซื้อน้ำมัน ปาล์มต่อจากโรงงานสกัดในราคา 22.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเงินในส่วนนี้จะขอการสนับสนุนจากกระทรวง การคลังเป็นผู้จัดหาให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบ อยู่ที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม ณ โรงงานสกัด ขณะที่เกษตรกรขายผลปาล์มดิบได้ 2.20 บาทต่อกิโลกรัม ไม่สามารถอยู่ได้ อีกทั้งขณะนี้ปริมาณผลปาล์มดิบอยู่ในภาวะล้นตลาด มีปริมาณถึง 300,000 ตัน ดังนั้นการเข้าแทรกแซงครั้งนี้ จะสามารถดึงผลปาล์มดิบออกจากตลาดได้ 150,000 ตัน ใช้เงินรวม 3,000 ล้านบาท มั่นใจว่า จะทำให้ราคาปาล์มดิบสูงขึ้น สำหรับราคาน้ำมันปาล์มปัจจุบันอยู่ที่ 15.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเท่ากับรัฐบาลจะรับภาระส่วนต่างอยู่ประมาณ 6 บาทต่อกิโลกรัม แต่คาดว่า เมื่อดึงผลปาล์มดิบออกจากตลาดได้ จะทำให้ราคากระเตื้องขึ้น ทำให้ภาระส่วนต่างในการชดเชยของรัฐบาลลดลง
อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) กระทรวงพาณิชย์จะหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อสรุปผลเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และเม็ดเงินในการดำเนินการครั้งนี้
ด้านเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่มาประชุมซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ ต่างพอใจราคาแทรกแซงของรัฐบาลที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็จะรอผลการประชุมวันพรุ่งนี้อีกครั้ง