นายสมชัย สวัสดิผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 73,000 ล้านบาท ว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะเป็นกระบวนการศึกษาผลตอบแทนด้านการลงทุน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงคมนาคม และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะดำเนินการ หากผลศึกษายืนยันความจำเป็นก็จะเสนอให้ ครม.เริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที
ขณะที่ผลการศึกษาของ ทอท. ยืนยันว่า การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความจำเป็น เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารสูงถึง 42 ล้านคนต่อปี ขณะที่ปัจจุบันสุวรรณภูมิมีความจุ 45 ล้านคน ซึ่งถือว่าใกล้เต็มความจุแล้ว ขณะเดียวกันการขยายท่าอากาศยาน จะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในอนาคต โดยหลังการขยายเฟส 2 ก็จะรับผู้โดยสารได้มากกว่า 52 ล้านคนต่อปี
ส่วนปัญหาข้อสงสัยว่า หากปีหน้าเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผู้โดยสารลดลง ยังจะจำเป็นต้องขยายท่าอากาศยานต่อ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวของประเทศที่เป็นรายได้หลัก ขณะเดียวกันการเริ่มก่อสร้างในช่วงราคาน้ำมันถูก ก็จะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างลดลงด้วย
ส่วนการต่อต้านจากชาวบ้านรอบสุววรณภูมิ เชื่อว่า ในปีงบประมาณ 2552 ซึ่ง ทอท.จะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ชดเชยให้ชาวบ้าน น่าจะสร้างความพอใจให้ผู้ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ผลการศึกษาของ ทอท. ยืนยันว่า การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความจำเป็น เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารสูงถึง 42 ล้านคนต่อปี ขณะที่ปัจจุบันสุวรรณภูมิมีความจุ 45 ล้านคน ซึ่งถือว่าใกล้เต็มความจุแล้ว ขณะเดียวกันการขยายท่าอากาศยาน จะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในอนาคต โดยหลังการขยายเฟส 2 ก็จะรับผู้โดยสารได้มากกว่า 52 ล้านคนต่อปี
ส่วนปัญหาข้อสงสัยว่า หากปีหน้าเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผู้โดยสารลดลง ยังจะจำเป็นต้องขยายท่าอากาศยานต่อ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวของประเทศที่เป็นรายได้หลัก ขณะเดียวกันการเริ่มก่อสร้างในช่วงราคาน้ำมันถูก ก็จะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างลดลงด้วย
ส่วนการต่อต้านจากชาวบ้านรอบสุววรณภูมิ เชื่อว่า ในปีงบประมาณ 2552 ซึ่ง ทอท.จะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ชดเชยให้ชาวบ้าน น่าจะสร้างความพอใจให้ผู้ได้รับผลกระทบ