ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยลง 0.5 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 1.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันพุธ (29) นับเป็นความพยายามล่าสุดในการผ่อนคลายวิกฤติสินเชื่อซึ่งกำลังบีบคั้นภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
มติลดดอกเบี้ยนโยบายเฟดฟันด์เรต หรืออัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารชั่วข้ามคืนของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เฟดได้ประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ในการผ่อนคลายวิกฤติสินเชื่อซึ่งลุกลามไปทั่วโลก
“กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างช้าๆ อันเนื่องมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายของภาคธุรกิจและการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เติบโตอย่างช้าๆ ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ นอกจากนั้นความวุ่นวายในตลาดการเงินที่เพิ่มขึ้นยังมีแนวโน้มยับยั้งการใช้จ่าย รวมถึงลดความสามารถของครัวเรือนและภาคธุรกิจในการได้รับสินเชื่ออีกด้วย” แถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ซึ่งมีเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด เป็นประธานระบุ
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ระบุด้วยว่า มาตรการของเฟดและธนาคารกลางประเทศอื่นๆ จะช่วยปรับสภาวะของสินเชื่อ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางในอนาคต
มติลดดอกเบี้ยนโยบายเฟดฟันด์เรต หรืออัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารชั่วข้ามคืนของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เฟดได้ประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ในการผ่อนคลายวิกฤติสินเชื่อซึ่งลุกลามไปทั่วโลก
“กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างช้าๆ อันเนื่องมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายของภาคธุรกิจและการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เติบโตอย่างช้าๆ ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ นอกจากนั้นความวุ่นวายในตลาดการเงินที่เพิ่มขึ้นยังมีแนวโน้มยับยั้งการใช้จ่าย รวมถึงลดความสามารถของครัวเรือนและภาคธุรกิจในการได้รับสินเชื่ออีกด้วย” แถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ซึ่งมีเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด เป็นประธานระบุ
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ระบุด้วยว่า มาตรการของเฟดและธนาคารกลางประเทศอื่นๆ จะช่วยปรับสภาวะของสินเชื่อ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางในอนาคต
