นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้สั่งให้ฝ่ายปกครองของแต่ละอำเภอตรวจสอบในทางลับกับวิทยุชุมชนและเคเบิลทีวีที่อยู่ในแต่ละอำเภอ ว่าเนื้อหาในการออกอากาศเป็นเช่นไร เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย กำชับมาเป็นพิเศษ เรื่องเนื้อหาการออกอากาศที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ขอให้เข้าไปประสานกับผู้นำชุมชน เพื่อตรวจสอบและบันทึกเสียงผู้ที่ละเมิดคำสั่งดังกล่าว โดยหลักฐานที่ได้ขอให้ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ โดยตรง เพื่อจะได้รวบรวมและแจ้งความดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ตนเองจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สำรับผู้ที่ออกอากาศที่มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถือว่าเป็นสิ่งคนไทยให้ความเคารพสูงสุด
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกองกำกับการ 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเฝ้าติดตามการจัดรายการทางสถานวิทยุชุมชนในจังหวัด 5 แห่ง หลังพบว่าจัดรายการที่ปลุกระดม และใช้ถ้อยคำที่หมิ่นเบื้องสูง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อหรือที่ตั้งสถานีได้ เนื่องจากต้องตรวจสอบในทางลับ และนำหลักฐานรายงานผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ดำเนินคดี ส่วนเคเบิลทีวีท้องถิ่น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการจัดรายการในลักษณะที่หมิ่นเหม่เบื้องสูง แต่ได้มีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สำหรับวิทยุชุมชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้มีมากกว่า 60 แห่ง ส่วนเคเบิลทีวีที่ออกอากาศ รวม 9 แห่ง
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกองกำกับการ 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเฝ้าติดตามการจัดรายการทางสถานวิทยุชุมชนในจังหวัด 5 แห่ง หลังพบว่าจัดรายการที่ปลุกระดม และใช้ถ้อยคำที่หมิ่นเบื้องสูง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อหรือที่ตั้งสถานีได้ เนื่องจากต้องตรวจสอบในทางลับ และนำหลักฐานรายงานผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ดำเนินคดี ส่วนเคเบิลทีวีท้องถิ่น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการจัดรายการในลักษณะที่หมิ่นเหม่เบื้องสูง แต่ได้มีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สำหรับวิทยุชุมชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้มีมากกว่า 60 แห่ง ส่วนเคเบิลทีวีที่ออกอากาศ รวม 9 แห่ง
