หลังเกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจและตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 20 นาย เข้าดูแลความพร้อม ทั้งวางกำลังคุมเข้มสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อป้องกันมือที่สามสร้างสถานการณ์ แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
ขณะที่ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 สั่งกำชับตำรวจภูธร และตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษและสุรินทร์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา จัดเวรยามออกลาดตระเวนเฝ้าระวังเหตุร้ายตลอด 24 ชั่วโมง และยังเตรียมแผนการอพยพชาวบ้านเขตวิถีกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งหากมีการสู้รบเกิดขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 สั่งกำชับตำรวจภูธร และตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษและสุรินทร์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา จัดเวรยามออกลาดตระเวนเฝ้าระวังเหตุร้ายตลอด 24 ชั่วโมง และยังเตรียมแผนการอพยพชาวบ้านเขตวิถีกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งหากมีการสู้รบเกิดขึ้น