แม้ขณะนี้จะยังไม่รู้ว่าใครคือผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แต่ผลสรุปการเลือกตั้งก็ออกมาแล้วว่า ทั้งจอห์น แมคเคน และ บารัค โอบามา ต่างเป็นผู้ชนะในแง่ของการใช้เงินรณรงค์หาเสียงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหากนับรวมทั้งหมดแล้ว มีการใช้เงินไปถึงราวหนึ่งพันล้านดอลลาร์ในการแข่งขันครั้งนี้
คณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขล่าสุดว่า นับจากเดือนกันยายนเป็นต้นมา แมคเคนแห่งพรรครีพับลิกันระดมเงินทุนหาเสียงได้ 230 ล้านดอลลาร์และใช้จ่ายไปแล้ว 194 ล้านดอลลาร์ ส่วนโอบามา คู่แข่งจากเดโมแครต ระดมเงินทุนได้ถึง 454 ล้านดอลลาร์ และใช้ไปแล้ว 377 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติแล้ว เงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศโดยทางเครื่องบิน การบริหารจัดการศูนย์เลือกตั้งหลายร้อยแห่ง ค่าที่ปรึกษาระดับสูงและเจ้าหน้าที่ต่างๆ รวมทั้งการซื้อเวลาโฆษณาทางโทรทัศน์อย่างมโหฬาร ซึ่งหากนับรวมการหาเสียงของผู้สมัครทั้งหมด 27 คนในช่วงการหยั่งเสียงเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรม์มารี) ด้วยแล้ว ยอดรวมค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มสูงเป็น 1,300 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุด้วยว่าพรรคเดโมแครตใช้เงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 750 ล้านดอลลาร์ ส่วนรีพับลิกันใช้ไป 477 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้แม้ว่านักวิจารณ์จะไม่ค่อยพอใจนักที่มีการใช้เงินทองอย่างมหาศาลเช่นนี้ แต่เมื่อเจาะลงรายละเอียดก็ต้องอึ้งเหมือนกัน เพราะมีการระดมเงินบริจาคจากบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมากกว่าที่ระดมจากบริษัทหรือกลุ่มล็อบบี้
จากข้อมูลผู้บริจาคเงินให้โอบามาจำนวนสองล้านรายนั้น มีผู้บริจาคประเภทบุคคลทั่วไปคิดเป็นสัดส่วนถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฝั่งของแมคเคนมีสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์
คณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขล่าสุดว่า นับจากเดือนกันยายนเป็นต้นมา แมคเคนแห่งพรรครีพับลิกันระดมเงินทุนหาเสียงได้ 230 ล้านดอลลาร์และใช้จ่ายไปแล้ว 194 ล้านดอลลาร์ ส่วนโอบามา คู่แข่งจากเดโมแครต ระดมเงินทุนได้ถึง 454 ล้านดอลลาร์ และใช้ไปแล้ว 377 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติแล้ว เงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศโดยทางเครื่องบิน การบริหารจัดการศูนย์เลือกตั้งหลายร้อยแห่ง ค่าที่ปรึกษาระดับสูงและเจ้าหน้าที่ต่างๆ รวมทั้งการซื้อเวลาโฆษณาทางโทรทัศน์อย่างมโหฬาร ซึ่งหากนับรวมการหาเสียงของผู้สมัครทั้งหมด 27 คนในช่วงการหยั่งเสียงเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรม์มารี) ด้วยแล้ว ยอดรวมค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มสูงเป็น 1,300 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุด้วยว่าพรรคเดโมแครตใช้เงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 750 ล้านดอลลาร์ ส่วนรีพับลิกันใช้ไป 477 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้แม้ว่านักวิจารณ์จะไม่ค่อยพอใจนักที่มีการใช้เงินทองอย่างมหาศาลเช่นนี้ แต่เมื่อเจาะลงรายละเอียดก็ต้องอึ้งเหมือนกัน เพราะมีการระดมเงินบริจาคจากบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมากกว่าที่ระดมจากบริษัทหรือกลุ่มล็อบบี้
จากข้อมูลผู้บริจาคเงินให้โอบามาจำนวนสองล้านรายนั้น มีผู้บริจาคประเภทบุคคลทั่วไปคิดเป็นสัดส่วนถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฝั่งของแมคเคนมีสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์