พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในท่อระบายน้ำริมถนนเพชรเกษม สายนราธิวาส - ปัตตานี ต.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา คงต้องดูแลเรื่องยุทธวิธีว่าบกพร่องตรงจุดใด จะได้กำชับให้เข้มงวดกวดขันมากขึ้น ทั้งการตั้งด่านลอย ด่านถาวร
อย่างไรก็ตาม มองว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่ง ทำให้ฝ่ายคนร้ายปฏิบัติการได้ยากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าไม่สามารถขุดดินฝังระเบิดได้ ต้องไปซุกตามท่อน้ำแทน
ส่วนกรณีมีข่าวว่ากลุ่มแนวร่วมอาร์เคเคลักลอบนำระเบิด 30 ลูก เข้ามาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี เพื่อก่อวินาศกรรมในช่วงหลังเทศกาลฮารีรายอและเทศกาลกินเจ ตั้งแต่วันที่ 10 - 20 ตุลาคมนั้น พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ข่าวนี้มีมาตั้งแต่ก่อนเทศกาลฮารีรายอแล้ว ซึ่งตนเองเป็นห่วง ไม่ได้ประมาท และกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการตรวจที่เข้มงวดมากขึ้น
พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า โดยภาพรวมถือว่าสถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น กำลังพลมีขวัญกำลังใจดี ซึ่งตนเองได้กำชับให้ทหาร และหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ เข้าไปติดตามรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านทุกหลังคาเรือนอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย
อย่างไรก็ตาม มองว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่ง ทำให้ฝ่ายคนร้ายปฏิบัติการได้ยากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าไม่สามารถขุดดินฝังระเบิดได้ ต้องไปซุกตามท่อน้ำแทน
ส่วนกรณีมีข่าวว่ากลุ่มแนวร่วมอาร์เคเคลักลอบนำระเบิด 30 ลูก เข้ามาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี เพื่อก่อวินาศกรรมในช่วงหลังเทศกาลฮารีรายอและเทศกาลกินเจ ตั้งแต่วันที่ 10 - 20 ตุลาคมนั้น พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ข่าวนี้มีมาตั้งแต่ก่อนเทศกาลฮารีรายอแล้ว ซึ่งตนเองเป็นห่วง ไม่ได้ประมาท และกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการตรวจที่เข้มงวดมากขึ้น
พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า โดยภาพรวมถือว่าสถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น กำลังพลมีขวัญกำลังใจดี ซึ่งตนเองได้กำชับให้ทหาร และหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ เข้าไปติดตามรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านทุกหลังคาเรือนอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย
