พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวถึงอาการของผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 2 ราย ว่า อาการของนางรุ่งทิวา ธาตุนิยม อายุ 45 ปี มีอาการสมองตายมาตั้งแต่แรก กล้ามเนื้อสมองช้ำมาก เนื่องจากมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ใบหน้าซีกซ้าย กะโหลกศีรษะแตก ทำให้สมองช้ำระบมเกือบหมด เนื้อสมองบางส่วนได้หายไป ขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว พักฟื้นอยู่ที่ห้องไอ.ซี.ยู
อย่างไรก็ตาม สัญญาณชีพยังคงดีอยู่ สามารถขยับมือแขนขาได้เล็กน้อยแบบกระตุก เชื่อว่าเป็นเพราะระบบประสาทยังคงหลงเหลือ โอกาสกลับฟื้นเป็นปกติมีไม่เกินร้อยละ 5 แพทย์ได้ดำเนินการซ่อมแซมบาดแผล พยายามรักษาบาดแผลบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะดวงตาที่ได้รับความกระทบกระเทือน โดยคณะแพทย์จะให้การรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนญาติผู้ป่วยก็เดินทางมารับทราบอาการและยอมรับกับสภาพอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ทั้งหมด
ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายอดิศร สนใจแท้ มีบาดแผลเกิดจากสะเก็ดระเบิดหลายรูที่บริเวณสีข้าง แพทย์รับตัวรักษาดูอาการไว้เพื่อล้างบาดแผล เพราะเกรงแผลจะติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม อาการดีขึ้นและอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว สามารถเดินเปลี่ยนอิริยาบถได้เหมือนคนปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้รับทราบจากท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงแสดงความห่วงใยถึงอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยและได้พระราชทานเงินให้กับโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยทุกคน จำนวน 100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สัญญาณชีพยังคงดีอยู่ สามารถขยับมือแขนขาได้เล็กน้อยแบบกระตุก เชื่อว่าเป็นเพราะระบบประสาทยังคงหลงเหลือ โอกาสกลับฟื้นเป็นปกติมีไม่เกินร้อยละ 5 แพทย์ได้ดำเนินการซ่อมแซมบาดแผล พยายามรักษาบาดแผลบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะดวงตาที่ได้รับความกระทบกระเทือน โดยคณะแพทย์จะให้การรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนญาติผู้ป่วยก็เดินทางมารับทราบอาการและยอมรับกับสภาพอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ทั้งหมด
ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายอดิศร สนใจแท้ มีบาดแผลเกิดจากสะเก็ดระเบิดหลายรูที่บริเวณสีข้าง แพทย์รับตัวรักษาดูอาการไว้เพื่อล้างบาดแผล เพราะเกรงแผลจะติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม อาการดีขึ้นและอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว สามารถเดินเปลี่ยนอิริยาบถได้เหมือนคนปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้รับทราบจากท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงแสดงความห่วงใยถึงอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยและได้พระราชทานเงินให้กับโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยทุกคน จำนวน 100,000 บาท
