นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ กทท.กล่าวถึงโครงการก่อท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 ว่า เพื่อต้องการให้ท่าเรือแหลมฉบังมีขีดความสามารถในการรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะด้านการรองรับการขนส่งสินค้าทางน้ำ ทางบก รวมถึงการขนส่งทางราง
นอกจากนี้ยังเพิ่มการขยายตัวของตู้สินค้า โครงการท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 และช่วยลดปัญหาความแออัดของท่าเรือแหลมฉบังได้ สำหรับความคืบหน้าขณะนี้ได้ทำการศึกษา การคุ้มค่าของการลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรอบวงเงินงบประมาณอยู่ระหว่างรอผลการศึกษา ออกแบบรายละเอียดงานก่อสร้าง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้
อย่างไรก็ตามหากไมาเป็นไปตามแผนโครงการดังกล่าวจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553
นางสุนิดา กล่าวต่อไปว่า ในปี 2551 กทท.คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณตู้สินค้ารวมผ่านทางท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 ซึ่งเป็นผลมาจากการรับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจภายใน และภายนอกประเทศ
นอกจากนี้ยังเพิ่มการขยายตัวของตู้สินค้า โครงการท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 และช่วยลดปัญหาความแออัดของท่าเรือแหลมฉบังได้ สำหรับความคืบหน้าขณะนี้ได้ทำการศึกษา การคุ้มค่าของการลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรอบวงเงินงบประมาณอยู่ระหว่างรอผลการศึกษา ออกแบบรายละเอียดงานก่อสร้าง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้
อย่างไรก็ตามหากไมาเป็นไปตามแผนโครงการดังกล่าวจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553
นางสุนิดา กล่าวต่อไปว่า ในปี 2551 กทท.คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณตู้สินค้ารวมผ่านทางท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 ซึ่งเป็นผลมาจากการรับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจภายใน และภายนอกประเทศ
