นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผลการถูกจับกุมของแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 111 คน ในข้อหาเสพและค้ายาเสพย์ติด (ยาบ้า) ว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยังกรมการจัดหางาน สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ สำนักงานแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ ให้เร่งรัดประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย เพื่อขอให้ทางการเกาหลีทำการสอบสวนเรื่องนี้โดยเร็ว เนื่องจากต้องการคำตอบให้กับสังคมโดยเร็ว ว่าแรงงานไทยทั้ง 111 คนเป็นใคร และมีมีส่วนพัวพันกับการเสพและลักลอบขนยาเสพติดกี่คน เพราะขณะนี้กระทรวงยังไม่แน่ใจว่าการจับกุมในลักษณะกวาดจับดังกล่าวมีใครทำผิดบ้าง ที่สำคัญผู้ที่กระทำความผิดเป็นผู้ที่เดินทางไปโดยการจัดส่งโดยรัฐ หรือเป็นผู้ที่ทำงานในเกาหลีใต้เกิน 5 ปี รวมทั้งเป็นผู้ลักลอบไปทำงานในเกาหลีใต้โดยผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อแสดงเจตนาว่าทางการไทยจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด และยินยอมให้มีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ที่สำคัญหากพบจำนวนผู้กระทำผิดที่แน่นอนแล้ว จะให้กรมการจัดหางานประกาศรายชื่อให้สังคมรับรู้ เพราะไม่ควรปกป้องคนผิด ผ่านเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน www.mol.go.th และ www.doe.go.th เพื่อออนไลน์ไปยังหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ยังสั่งการกรมการจัดหางานลงรายละเอียดการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม การเสพยาหรือสารเสพติดทุกชนิด ออกเป็นเฉพาะเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศมีประวัติที่ดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า คาดว่าภายในวันนี้ น่าจะได้รายชื่อแรงงานไทยทั้ง 111 คน เนื่องจากไม่ต้องการปล่อยให้เรื่องนี้เนิ่นนาน เพราะจะยิ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และที่สำคัญไม่ต้องการให้เรื่องนี้มาเป็นอุปสรรคในการทำสัญญาลงนามความเข้าใจกระทรวงแรงงานไปทำงานเกาหลีใต้ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนการจัดส่งแรงงานครั้งต่อไป อาจต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะประวัติอาชญากรรม ดังนั้นต้องขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า คาดว่าภายในวันนี้ น่าจะได้รายชื่อแรงงานไทยทั้ง 111 คน เนื่องจากไม่ต้องการปล่อยให้เรื่องนี้เนิ่นนาน เพราะจะยิ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และที่สำคัญไม่ต้องการให้เรื่องนี้มาเป็นอุปสรรคในการทำสัญญาลงนามความเข้าใจกระทรวงแรงงานไปทำงานเกาหลีใต้ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนการจัดส่งแรงงานครั้งต่อไป อาจต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะประวัติอาชญากรรม ดังนั้นต้องขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย