นายวิเชียร พวงลำเจียก กรรมการสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบไปยังบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นปากคลองมะขามเฒ่า ต้นกำเนิดแม่น้ำท่าจีน ต.มะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า กรมชลประทาน ไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำที่กั้นคลองมะขามเฒ่า เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่แม่น้ำท่าจีน ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนเองและสมาคมชาวนาไทย จะทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะเห็นว่ากรมชลประทาน ทำเช่นนี้ไม่เกิดความยุติธรรมกับชาวนาในพื้นที่ใต้เขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ที่จะต้องแบกรับภาระน้ำท่วมทุกปี
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ทุกปีที่มีน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตนเองรู้สึกแปลกใจทุกครั้งว่าเหตุใดจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม จึงได้พยายามหาสาเหตุและได้ข้อมูลว่า ตรงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ขึ้นไปประมาณ 15 กิโลเมตร มีคลองมะขามเฒ่า ต้นกำเนิดแม่น้ำท่าจีน ที่จะไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี และนครปฐม มีประตูระบายน้ำห่างจากปากคลองประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งหากมีการระบายน้ำตั้งแต่แรกจะทำให้พื้นที่การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มภาคกลางได้รับความเสียหายน้อย แต่ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประตูน้ำแห่งนี้กลับถูกปิดลง ในขณะที่ชาวบ้านและเกษตรกรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี รับรู้ปัญหานี้และหาทางบริหารจัดการน้ำใหม่ โดยยึดหลักแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวฯ
ทั้งนี้ในการระบายน้ำจะต้องระบายให้เท่าเทียมกัน เพราะหากทำเท่ากันความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น เพราะน้ำจะเฉลี่ยกันไหลลงสู่ปลายทาง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีการเปิดประตูระบายน้ำที่กั้นคลองมะขามเฒ่าแล้ว โดยระดับการระบายน้ำอยู่ที่ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับปริมาณน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายอยู่ขณะนี้ คือ 1,750 - 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และการเปิดประตูครั้งตนเองเชื่อว่าน่าจะเป็นการลดแรงกดดันของกรมชลประทาน เพราะหากไม่ยอมเปิด อาจถูกตำหนิจากชาวบ้านพื้นที่ลุ่มภาคกลาง
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ทุกปีที่มีน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตนเองรู้สึกแปลกใจทุกครั้งว่าเหตุใดจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม จึงได้พยายามหาสาเหตุและได้ข้อมูลว่า ตรงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ขึ้นไปประมาณ 15 กิโลเมตร มีคลองมะขามเฒ่า ต้นกำเนิดแม่น้ำท่าจีน ที่จะไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี และนครปฐม มีประตูระบายน้ำห่างจากปากคลองประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งหากมีการระบายน้ำตั้งแต่แรกจะทำให้พื้นที่การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มภาคกลางได้รับความเสียหายน้อย แต่ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประตูน้ำแห่งนี้กลับถูกปิดลง ในขณะที่ชาวบ้านและเกษตรกรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี รับรู้ปัญหานี้และหาทางบริหารจัดการน้ำใหม่ โดยยึดหลักแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวฯ
ทั้งนี้ในการระบายน้ำจะต้องระบายให้เท่าเทียมกัน เพราะหากทำเท่ากันความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น เพราะน้ำจะเฉลี่ยกันไหลลงสู่ปลายทาง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีการเปิดประตูระบายน้ำที่กั้นคลองมะขามเฒ่าแล้ว โดยระดับการระบายน้ำอยู่ที่ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับปริมาณน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายอยู่ขณะนี้ คือ 1,750 - 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และการเปิดประตูครั้งตนเองเชื่อว่าน่าจะเป็นการลดแรงกดดันของกรมชลประทาน เพราะหากไม่ยอมเปิด อาจถูกตำหนิจากชาวบ้านพื้นที่ลุ่มภาคกลาง
