หลังจากศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการอ่านคำวินิจฉัย ล่าสุดมีมติว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ให้นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 จากการจัดรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกโขยง 6 โมงเช้า
ขณะที่คณะรัฐมนตรีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นความผิดเฉพาะตัว จึงให้คณะรัฐมนตรีที่เหลือนั้นรักษาการต่อไปได้
สำหรับสาระสำคัญในการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลได้บรรยายคำร้องถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในการเป็นพิธีกรหลายรายการ จึงถือว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำร้องอยู่ในอำนาจที่จะวินิจฉัยได้
ส่วนประเด็นที่ศาลพิจารณาก็คือ นายกรัฐมนตรีได้รับค่าตอบแทนจากบริษัท เฟซ มีเดีย หรือไม่ ซึ่งผู้ร้องได้แสดงหลักฐานการจ่ายเงินกว่า 100,000 บาท ให้กับนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ร้อยละ 5 เพื่อยืนยันว่ามีการจ่ายค่าตอบแทนจริง ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
โดยคำวินิจฉัยไม่ได้พิจารณาเฉพาะการเป็นลูกจ้างเท่านั้น แต่พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ด้วย เกี่ยวกับผลประโยชน์ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นการนิยามความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" จึงไม่ใช่เพียงแค่ได้รับค่าจ้างหรือไม่ เท่านั้น ดังนั้นการรับพิธีกร 2 รายการของนายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีความผูกพันทางด้านผลประโยชน์กับบริษัท เฟซ มีเดีย อยู่
และคำให้การของนายกรัฐมนตรี ก็มีพิรุธว่า น่าจะมีการทำหลักฐานย้อนหลังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าตอบแทน เป็นค่าน้ำมันรถและค่ากับข้าว ซึ่งศาลวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ส่งผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่คณะรัฐมนตรีที่เหลือให้รักษาการต่อไปได้
ขณะที่คณะรัฐมนตรีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นความผิดเฉพาะตัว จึงให้คณะรัฐมนตรีที่เหลือนั้นรักษาการต่อไปได้
สำหรับสาระสำคัญในการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลได้บรรยายคำร้องถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในการเป็นพิธีกรหลายรายการ จึงถือว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำร้องอยู่ในอำนาจที่จะวินิจฉัยได้
ส่วนประเด็นที่ศาลพิจารณาก็คือ นายกรัฐมนตรีได้รับค่าตอบแทนจากบริษัท เฟซ มีเดีย หรือไม่ ซึ่งผู้ร้องได้แสดงหลักฐานการจ่ายเงินกว่า 100,000 บาท ให้กับนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ร้อยละ 5 เพื่อยืนยันว่ามีการจ่ายค่าตอบแทนจริง ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
โดยคำวินิจฉัยไม่ได้พิจารณาเฉพาะการเป็นลูกจ้างเท่านั้น แต่พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ด้วย เกี่ยวกับผลประโยชน์ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นการนิยามความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" จึงไม่ใช่เพียงแค่ได้รับค่าจ้างหรือไม่ เท่านั้น ดังนั้นการรับพิธีกร 2 รายการของนายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีความผูกพันทางด้านผลประโยชน์กับบริษัท เฟซ มีเดีย อยู่
และคำให้การของนายกรัฐมนตรี ก็มีพิรุธว่า น่าจะมีการทำหลักฐานย้อนหลังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าตอบแทน เป็นค่าน้ำมันรถและค่ากับข้าว ซึ่งศาลวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ส่งผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่คณะรัฐมนตรีที่เหลือให้รักษาการต่อไปได้
