นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการจลาจล มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แต่ดูท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ยืนยันว่าจะใช้วิธีละมุนละม่อมในการแก้ปัญหา จึงคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ เชื่อว่าภายใน 5 วันเหตุการณ์น่าจะดีขึ้น เพราะนอกจากประกาศให้ พ.ร.ก.นี้แล้ว ยังสามารถประกาศใช้มาตรการที่รุนแรงกว่านี้ได้หากเห็นว่ามีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม หลักนิติศาสตร์อย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย ซึ่งหมายถึงความรับผิดชอบทางการเมือง
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายเสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ถือเป็นทางออกหนึ่งที่สามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแนวทางการแก้ปัญหาที่ดี และนายกรัฐมนตรีควรพิจารณาข้อเสนอแหล่านั้นด้วยเพื่อแก้วิกฤต ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีรู้ดีว่ามีทางออกกี่ทาง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทางไหนที่ไม่ให้เกิดกลียุค แต่หากนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะอยู่ต่อเพื่อรักษาระบอบเอาไว้นั้น ก็ถือเป็นดุลพินิจ แต่จะแก้ได้หรือไม่ก็ต้องดูด้วย
นายประสพสุข กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุอยากให้รัฐสภาร่วมรับผิดชอบมากกว่านี้ ว่า ส.ว.ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์เหมือนกัน แต่รัฐสภาจะแก้ปัญหามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้อยู่ในสมัยประชุมนิติบัญญัติ และได้แสดงความเห็นไปหมดแล้วในการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีก เพราะถ้ามีการประชุมแล้วเสนอทางออกไป แต่ไม่ได้รับการปฏิบัติก็ไม่รู้จะเสนอไปทำไม
อย่างไรก็ตาม หลักนิติศาสตร์อย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย ซึ่งหมายถึงความรับผิดชอบทางการเมือง
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายเสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ถือเป็นทางออกหนึ่งที่สามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแนวทางการแก้ปัญหาที่ดี และนายกรัฐมนตรีควรพิจารณาข้อเสนอแหล่านั้นด้วยเพื่อแก้วิกฤต ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีรู้ดีว่ามีทางออกกี่ทาง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทางไหนที่ไม่ให้เกิดกลียุค แต่หากนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะอยู่ต่อเพื่อรักษาระบอบเอาไว้นั้น ก็ถือเป็นดุลพินิจ แต่จะแก้ได้หรือไม่ก็ต้องดูด้วย
นายประสพสุข กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุอยากให้รัฐสภาร่วมรับผิดชอบมากกว่านี้ ว่า ส.ว.ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์เหมือนกัน แต่รัฐสภาจะแก้ปัญหามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้อยู่ในสมัยประชุมนิติบัญญัติ และได้แสดงความเห็นไปหมดแล้วในการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีก เพราะถ้ามีการประชุมแล้วเสนอทางออกไป แต่ไม่ได้รับการปฏิบัติก็ไม่รู้จะเสนอไปทำไม