นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยผู้ปราศรัยบนเวทีนำคำอภิปรายในการประชุมรัฐสภา มาเล่าให้ผู้ชุมนุม โดยเปรียบเทียบว่า รัฐบาลกำลังใช้กลไกรัฐสภาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรม เพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไป เหมือนในช่วงที่เกิดเหตุกรณีปราบปรามประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2535 ซึ่ง 5 พรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น สนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งๆ ที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้าน เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่มีทัศนคติต่อ ส.ส.และ ส.ว.ที่มีความคิดไม่ตรงกับรัฐบาลว่าเป็นพวกพันธมิตรฯ โดยไม่คิดทบทวนตัวเอง เท่ากับการอภิปรายในวันนี้เป็นเพียงสภาโจ๊ก และในวันพรุ่งนี้ทีมทนายความพันธมิตรฯ จะไปยื่นอุทธรณ์ เพื่อขอให้ศาลถอนหมายจับ 9 แกนนำอีกครั้ง หลังที่เคยยื่นไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่เป็นผล ขณะที่รัฐบาลเตรียมใช้ช่องทางๆ กฎหมายจัดการกับการชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเช่นเดียวกัน
โดยนายศุภชัย ใจสมุทร เลขาฯ มท.1 ระบุว่า พรุ่งนี้ข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาลจะไปยื่นต่อศาลแพ่ง ให้ยกเลิกการคุ้มครองชั่วคราว และให้พันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
ขณะที่ตำรวจได้เตือนประชาชนที่ปกติใช้เส้นทางสัญจรผ่านไปมา โดยรอบทำเนียบรัฐบาลให้เผื่อเวลาในวันพรุ่งนี้ เดินทางอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพราะมีการปิดถนนหลายช่องจราจร จึงเป็นห่วงว่าการจราจรติดขัด เพราะว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันทำการวันแรก
โดยนายศุภชัย ใจสมุทร เลขาฯ มท.1 ระบุว่า พรุ่งนี้ข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาลจะไปยื่นต่อศาลแพ่ง ให้ยกเลิกการคุ้มครองชั่วคราว และให้พันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
ขณะที่ตำรวจได้เตือนประชาชนที่ปกติใช้เส้นทางสัญจรผ่านไปมา โดยรอบทำเนียบรัฐบาลให้เผื่อเวลาในวันพรุ่งนี้ เดินทางอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพราะมีการปิดถนนหลายช่องจราจร จึงเป็นห่วงว่าการจราจรติดขัด เพราะว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันทำการวันแรก