ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ประชุมหารือร่วมผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในค่ำคืนนี้ รวมถึงเตรียมกำลังพลไว้รองรับสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เบื้องต้นมีการตรึงกำลังไว้ทั้งภายในและภายนอกทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งบริเวณสี่แยกต่างๆ ทั้งนี้ได้ประสานกำลังตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธรภาค 127 นเรศวร 261 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกำลังส่วนนี้จะตั้งอยู่ที่กองทัพภาคที่ 1 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมกำลังทั้งหมด 26 กองร้อย หรือเกือบ 4,000 นาย
นอกจากนี้ ยังเตรียมอุปกรณ์การปราบจลาจลครบครัน ซึ่งแผนการปฏิบัติหลังจากนี้ จะเป็นไปตามแผนกรกฏ 48 การทำงานหรือการตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นตามขั้นตอน โดยจะเป็นการตัดสินใจของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพียงคนเดียว กรณีที่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเคลื่อนย้ายออกนอกทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ได้มีการส่งชุดเจรจาเข้าไปพูดคุย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้ต้องมีการปรับแผนการเจรจาใหม่ ซึ่งตำรวจยืนยันว่า ขั้นตอนการใช้กำลังจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายจริงๆ ซึ่งหากปรับแผนการเจรจาไม่แล้วเสร็จ ตำรวจอาจมีการสั่งตรึงกำลังตำรวจตระเวนชายแดนบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้มีการส่งอาหาร ส่งน้ำเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ เพื่อจะได้สลายตัวไปในที่สุด
นอกจากนี้ ยังเตรียมอุปกรณ์การปราบจลาจลครบครัน ซึ่งแผนการปฏิบัติหลังจากนี้ จะเป็นไปตามแผนกรกฏ 48 การทำงานหรือการตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นตามขั้นตอน โดยจะเป็นการตัดสินใจของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพียงคนเดียว กรณีที่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเคลื่อนย้ายออกนอกทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ได้มีการส่งชุดเจรจาเข้าไปพูดคุย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้ต้องมีการปรับแผนการเจรจาใหม่ ซึ่งตำรวจยืนยันว่า ขั้นตอนการใช้กำลังจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายจริงๆ ซึ่งหากปรับแผนการเจรจาไม่แล้วเสร็จ ตำรวจอาจมีการสั่งตรึงกำลังตำรวจตระเวนชายแดนบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้มีการส่งอาหาร ส่งน้ำเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ เพื่อจะได้สลายตัวไปในที่สุด