ราคาน้ำมันลดลงไปแตะระดับ 113 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากตัวเลขรัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศลดฮวบลงแรงที่สุดในรอบ 26 ปี
สำนักงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงโดยเฉลี่ย 800,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2007และนับเป็นการลดมากมากที่สุดตั้งแต่ปี 1982
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ 1 วัน จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกก็ออกรายงานว่า การนำเข้าน้ำมันเดือนกรกฎาคมของตนลดลงถึง 7% นับเป็นการลดฮวบแรงที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2005 เป็นต้นมา
ข้อมูลทั้งสองเมื่อบวกกันก็ยิ่งชี้ให้เห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกชะลอตัวแรง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐฯ ปิดวันอังคาร (12) ขยับลง 1.44 เหรียญไปอยู่ที่ 113.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ลงไป 1.52 เหรียญไปอยู่ที่ 111.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงโดยเฉลี่ย 800,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2007และนับเป็นการลดมากมากที่สุดตั้งแต่ปี 1982
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ 1 วัน จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกก็ออกรายงานว่า การนำเข้าน้ำมันเดือนกรกฎาคมของตนลดลงถึง 7% นับเป็นการลดฮวบแรงที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2005 เป็นต้นมา
ข้อมูลทั้งสองเมื่อบวกกันก็ยิ่งชี้ให้เห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกชะลอตัวแรง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐฯ ปิดวันอังคาร (12) ขยับลง 1.44 เหรียญไปอยู่ที่ 113.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ลงไป 1.52 เหรียญไปอยู่ที่ 111.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล