ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสหรัฐฯ ดิ่งลงสู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลง และความกังวลที่มีต่ออิทธิพลของเฮอริเคนดอลลี่ผ่อนคลายลง เมื่อคาดว่าพายุจะไม่พัดถล่มแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทะยานขึ้นไปถึงบาร์เรลละ 147 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม โดยราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ ปรับลด 3.09 ดอลลาร์ มาปิดที่บาร์เรลละ 127.95 ดอลลาร์ หลังดิ่งลงไปต่ำสุดถึง 125.63 ดอลลาร์ นับว่าเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์กรุงลอนดอน ลดลง 3.23 ดอลลาร์ มาอยู่ที่บาร์เรล 129.38 ดอลลาร์ นักค้าน้ำมันกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่สดใสของสหรัฐฯ และความต้องการด้านพลังงานที่ลดลงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ น้อยกว่าเมื่อปีก่อนร้อยละ 2.2 ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ผู้ใช้รถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น ต่างจำกัดการขับขี่รถยนต์เดินทางท่องเที่ยว
นักค้าน้ำมันและนักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า เฮอริเคนดอลลี่ที่เคลื่อนตัวทางตะวันตกของอ่าวเม็กซิโก ไปตามแนวเส้นทางระหว่างรัฐเทกซัสกับเม็กซิโก ไม่มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายให้กับแหล่งผลิตน้ำมัน ที่ต้องระงับการผลิตไปเพราะเกรงพายุกระหน่ำ จะกลับมาผลิตน้ำมันได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทะยานขึ้นไปถึงบาร์เรลละ 147 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม โดยราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ ปรับลด 3.09 ดอลลาร์ มาปิดที่บาร์เรลละ 127.95 ดอลลาร์ หลังดิ่งลงไปต่ำสุดถึง 125.63 ดอลลาร์ นับว่าเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์กรุงลอนดอน ลดลง 3.23 ดอลลาร์ มาอยู่ที่บาร์เรล 129.38 ดอลลาร์ นักค้าน้ำมันกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่สดใสของสหรัฐฯ และความต้องการด้านพลังงานที่ลดลงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ น้อยกว่าเมื่อปีก่อนร้อยละ 2.2 ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ผู้ใช้รถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น ต่างจำกัดการขับขี่รถยนต์เดินทางท่องเที่ยว
นักค้าน้ำมันและนักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า เฮอริเคนดอลลี่ที่เคลื่อนตัวทางตะวันตกของอ่าวเม็กซิโก ไปตามแนวเส้นทางระหว่างรัฐเทกซัสกับเม็กซิโก ไม่มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายให้กับแหล่งผลิตน้ำมัน ที่ต้องระงับการผลิตไปเพราะเกรงพายุกระหน่ำ จะกลับมาผลิตน้ำมันได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้
