นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.ปี 2543 และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา สนับสนุนแนวคิด พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ต้องการให้ทำรั้วรอบปราสาทพระวิหาร โดยยึดแนวมติคณะรัฐมนตรี ปี 2505 ที่กำหนดแนวเขตปราสาทที่ระยะ 100 เมตร ทางทิศตะวันตก และ 20 เมตร ทางทิศเหนือของตัวปราสาท เพื่อกำหนดเป็นพื้นที่สำหรับเจ้าหน้าที่ของยูเนสโก ในการเข้าดำเนินการบริหารจัดการรอบตัวปราสาท หลังจากมีมติให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งการปฏิบัติงานจะต้องไม่ล้ำแนวเขตดังกล่าว และเห็นว่า รัฐบาลไทยควรเข้าร่วมในคณะกรรมการประสานงานนานาชาติ 7 ชาติ เพื่อจะได้มีส่วนรับรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สิน และการอนุรักษ์รอบตัวปราสาทที่ต้องไม่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ในฝั่งของไทย โดยย้ำว่า รัฐบาลไทยต้องมีท่าทีชัดเจน ไม่ยอมให้ฝ่ายกัมพูชา หรือยูเนสโก เข้ามาบริหารจัดการในพื้นที่ส่วนของประเทศไทย
อดีต ส.ว.ยังเห็นด้วยว่า กองทัพควรต้องมีท่าทีกระตือรือร้นมากกว่าที่เป็นอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติต่อการรุกล้ำเขตแดนไทยของกัมพูชาทางตอนเหนือ และตะวันตกของตัวปราสาท นอกจากนี้ยังเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรจะแสดงบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ ในเรื่องการรุกล้ำอธิปไตยบริเวณเขาพระวิหาร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา มีเจตนาจะเข้าครอบครองพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยการส่งคนกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ด้านนายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมกันทรลักษ์ กล่าวถึงการทำรั้ว ว่าควรดำเนินการนานแล้ว แต่ถูกปล่อยปละละเลยมาตลอด และรู้สึกดีใจที่ผู้นำกองทัพเริ่มตื่นขึ้น หลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้กองทัพผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากแนวเขตแดนของประเทศไทย และเรียกร้องให้นายสมัครลงไปดูพื้นที่รอบเขาพระวิหาร เพื่อจะได้เข้าใจถึงสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ที่มีการระบุว่า รัฐบาลไทยได้เสียอธิปไตยบนเขาพระวิหารไปแล้ว
อดีต ส.ว.ยังเห็นด้วยว่า กองทัพควรต้องมีท่าทีกระตือรือร้นมากกว่าที่เป็นอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติต่อการรุกล้ำเขตแดนไทยของกัมพูชาทางตอนเหนือ และตะวันตกของตัวปราสาท นอกจากนี้ยังเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรจะแสดงบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ ในเรื่องการรุกล้ำอธิปไตยบริเวณเขาพระวิหาร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา มีเจตนาจะเข้าครอบครองพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยการส่งคนกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ด้านนายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมกันทรลักษ์ กล่าวถึงการทำรั้ว ว่าควรดำเนินการนานแล้ว แต่ถูกปล่อยปละละเลยมาตลอด และรู้สึกดีใจที่ผู้นำกองทัพเริ่มตื่นขึ้น หลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้กองทัพผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากแนวเขตแดนของประเทศไทย และเรียกร้องให้นายสมัครลงไปดูพื้นที่รอบเขาพระวิหาร เพื่อจะได้เข้าใจถึงสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ที่มีการระบุว่า รัฐบาลไทยได้เสียอธิปไตยบนเขาพระวิหารไปแล้ว
