พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว หลังเดินทางมาปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ตามโครงการ พลิกฟื้นป่าด้วยพระบารมี ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ป่ารอยต่อห้าจังหวัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เป็นห่วงในเรื่องของประชาชนทั้งสองประเทศจะไม่เข้าใจกันจนเกิดความบาดหมาง ขอให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักของกฎหมาย ระบุเป็นเรื่องไกลตัวกองทัพบก ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคณะกรรมการ 7 ประเทศ มาบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนนั้น ถือเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดนนั้น ต้องดำเนินการฉันท์มิตร ซึ่งเราก็ทำมานานแล้ว
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนทับซ้อน เป็นเรื่องของคณะกรรมการปักปันเขตแดน ที่จะเป็นผู้แก้ไขปัญหา จึงขอย้ำว่า ปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนไม่ใช่เรื่องของกองทับบกที่จะออกมาพูด
ในส่วนของเรื่องเกี่ยวกับการกล่าวหา คมช.ว่ามีส่วนที่ทำให้ทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้เพียงฝ่ายเดียวนั้น ตนยังไม่ได้ยินไม่เห็นมีใครกล่าวหา เรื่องนี้ทางกัมพูชามีการดำเนินการมาหลายปีแล้ว จึงไม่ขอออกความเห็น
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนทับซ้อน เป็นเรื่องของคณะกรรมการปักปันเขตแดน ที่จะเป็นผู้แก้ไขปัญหา จึงขอย้ำว่า ปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนไม่ใช่เรื่องของกองทับบกที่จะออกมาพูด
ในส่วนของเรื่องเกี่ยวกับการกล่าวหา คมช.ว่ามีส่วนที่ทำให้ทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้เพียงฝ่ายเดียวนั้น ตนยังไม่ได้ยินไม่เห็นมีใครกล่าวหา เรื่องนี้ทางกัมพูชามีการดำเนินการมาหลายปีแล้ว จึงไม่ขอออกความเห็น