นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ไม่อนุมัติมาตรการที่จะจัดหาสภาพคล่องให้แก่โรงสีสิริภิญโญ เพื่อนำไปจ่ายให้แก่เกษตรกร ที่นำข้าวเปลือกเหนียวมาจำนำตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยขอให้มีการนำเรื่องดังกล่าวส่งกลับไปให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณามาตรการช่วยเหลืออื่นอีกครั้ง
สำหรับสาเหตุที่คณะรัฐมนตรียังไม่อนุมัติเรื่องดังกล่าววันนี้ หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้เข้ารับจำนำข้าวเปลือกเหนียว ราคาตันละ 8,000 - 9,000 บาทขึ้นกับความชื้นของข้าว แต่ที่ผ่านมาพบว่าข้าวเปลือกเหนียวที่ออกสู่ตลาดขณะนี้มีความชื้นสูงถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ราคารับจำนำลดต่ำลงเหลือเพียงตันละ 5,500 - 6,000 บาท แต่ภาครัฐก็ได้พยายามที่จะออกมาตรการช่วยเหลือต่อไป โดยมีโรงสีสิริภิญโญตอบรับที่จะเป็นผู้รับจำนำในราคาตันละ 8,000 บาท แต่เมื่อเริ่มการรับจำนำไปแล้ว พบว่าโรงสีสิริภิญโญกลับขาดสภาพคล่อง กระทรวงพาณิชย์จึงได้เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้แก่โรงสีสิริภิญโญเพื่อให้ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้พิจารณาว่าการรับซื้อข้าวของโรงสีสิริภิญโญที่ดำเนินการไปแล้ว เป็นการดำเนินการของเอกชนและคงเป็นเรื่องที่มีปัญหาทางกฎหมาย หากคณะรัฐมนตรีจะมีมติสั่งการให้ ธ.ก.ส.อนุมัติเงินกู้ให้เฉพาะแก่เอกชนรายหนึ่งรายใด โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีความเห็นว่า ในการพิจารณาปล่อยกู้ของ ธ.ก.ส.นั้น ขอให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้ทั่วไป ส่วนมาตรการในการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ปลูกข้าวเปลือกเหนียวนั้น จะให้คณะกรรมการ 2 ชุด ทั้ง กขช. และ คชก. ไปพิจารณาหาแนวทางอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับสาเหตุที่คณะรัฐมนตรียังไม่อนุมัติเรื่องดังกล่าววันนี้ หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้เข้ารับจำนำข้าวเปลือกเหนียว ราคาตันละ 8,000 - 9,000 บาทขึ้นกับความชื้นของข้าว แต่ที่ผ่านมาพบว่าข้าวเปลือกเหนียวที่ออกสู่ตลาดขณะนี้มีความชื้นสูงถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ราคารับจำนำลดต่ำลงเหลือเพียงตันละ 5,500 - 6,000 บาท แต่ภาครัฐก็ได้พยายามที่จะออกมาตรการช่วยเหลือต่อไป โดยมีโรงสีสิริภิญโญตอบรับที่จะเป็นผู้รับจำนำในราคาตันละ 8,000 บาท แต่เมื่อเริ่มการรับจำนำไปแล้ว พบว่าโรงสีสิริภิญโญกลับขาดสภาพคล่อง กระทรวงพาณิชย์จึงได้เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้แก่โรงสีสิริภิญโญเพื่อให้ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้พิจารณาว่าการรับซื้อข้าวของโรงสีสิริภิญโญที่ดำเนินการไปแล้ว เป็นการดำเนินการของเอกชนและคงเป็นเรื่องที่มีปัญหาทางกฎหมาย หากคณะรัฐมนตรีจะมีมติสั่งการให้ ธ.ก.ส.อนุมัติเงินกู้ให้เฉพาะแก่เอกชนรายหนึ่งรายใด โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีความเห็นว่า ในการพิจารณาปล่อยกู้ของ ธ.ก.ส.นั้น ขอให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้ทั่วไป ส่วนมาตรการในการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ปลูกข้าวเปลือกเหนียวนั้น จะให้คณะกรรมการ 2 ชุด ทั้ง กขช. และ คชก. ไปพิจารณาหาแนวทางอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อไป
