กระทรวงการคลังญี่ปุ่น รายงานว่า ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าต่างประเทศในเดือนพฤษภาคม ลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการได้เปรียบดุลการค้าลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องมาจากราคาน้ำมันนำเข้าสูงขึ้น
ยอดได้เปรียบดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 365,610 ล้านเยน จากที่เคยได้เปรียบ 395,550 ล้านเยน ในเดือนพฤษภาคม ปีก่อน ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.4 เปอร์เซ็นต์ โดยที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 53.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนมูลค่าการนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 47.4 เปอร์เซ็นต์ มูลค่านำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้น 21.1 เปอร์เซ็นต์
การเปรียบดุลการค้าของญี่ปุ่นต่อสหรัฐฯ หดตัวลง 11.0 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เนื่องจากการส่งออกรถยนต์จากญี่ปุ่นไปยังตลาดสหรัฐฯ ลดต่ำลง ส่วนยอดได้เปรียบดุลการค้าต่อประเทศในเอเชีย ยกเว้นจีนลดลง 68.5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยอดขาดดุลการค้าต่อจีนหดแคบลงมาเหลือ 82.8 เปอร์เซ็นต์
ยอดได้เปรียบดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 365,610 ล้านเยน จากที่เคยได้เปรียบ 395,550 ล้านเยน ในเดือนพฤษภาคม ปีก่อน ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.4 เปอร์เซ็นต์ โดยที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 53.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนมูลค่าการนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 47.4 เปอร์เซ็นต์ มูลค่านำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้น 21.1 เปอร์เซ็นต์
การเปรียบดุลการค้าของญี่ปุ่นต่อสหรัฐฯ หดตัวลง 11.0 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เนื่องจากการส่งออกรถยนต์จากญี่ปุ่นไปยังตลาดสหรัฐฯ ลดต่ำลง ส่วนยอดได้เปรียบดุลการค้าต่อประเทศในเอเชีย ยกเว้นจีนลดลง 68.5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยอดขาดดุลการค้าต่อจีนหดแคบลงมาเหลือ 82.8 เปอร์เซ็นต์