นางสมลักษณ์ เจริญพจน์ รองอธิบดีกรมศิลปากร แถลงความคืบหน้าการบูรณะราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ขณะนี้กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ได้ดำเนินการทำความสะอาดพระมหาพิชัยราชรถ เสร็จ 100% แล้ว ทำให้พระมหาพิชัยราชรถเปล่งประกายเป็นสีทองสด ขณะที่พระเวชยันตราชรถ ทางกรมสรรพาวุธทหารบกได้ปรับเปลี่ยนช่วงล่างทั้งหมดแล้ว เช่น เบรก แหนบรับน้ำหนัก ชุดยกระดับ เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้ดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวี บริเวณสถานที่ก่อสร้างพระเมรุ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมความคืบหน้าแบบสดๆ ได้อย่างใกล้ชิดผ่านเว็บไซต์ www.phrameru.net โดยสามารถรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ระหว่างเวลา 07.00-22.00 น.
ด้าน พ.อ.ศักดา ศิริรัตน์ ผอ.กองโรงงานช่างแสง ศูนย์อุตสาหกรรมสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า กรมสรรพาวุธได้ดำเนินการบูรณะพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อย 2 องค์ และเกรินบันไดนาคเสร็จแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการบูรณะพระมหาพิชัยราชรถ และราชรถน้อย หมายเลข 9783 คาดว่าจะบูรณะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่การซ่อมช่วงล่างราชรถ ราชยาน คาดว่าจะเสร็จตามกำหนดเดือนกันยายน ทั้งนี้ ได้ทดสอบการรับน้ำหนักของเกรินและบุษบกของพระมหาพิชัยราชรถ โดยใช้ถังน้ำที่มีน้ำหนัก 570 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าน้ำหนักจริงของพระโกศกับเทวดา 200 กิโลกรัม พบว่า ทั้ง 2 ส่วนรับน้ำหนักได้ดี เป็นไปด้วยความราบรื่น ส่วนการชักลากราชรถนั้น กรมสรรพาวุธได้คัดเลือกกำลังพล 300 นาย ต่อราชรถ 1 องค์ พร้อมทั้งได้มีการซักซ้อมในการเตรียมความพร้อมต่อไป
นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้ดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวี บริเวณสถานที่ก่อสร้างพระเมรุ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมความคืบหน้าแบบสดๆ ได้อย่างใกล้ชิดผ่านเว็บไซต์ www.phrameru.net โดยสามารถรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ระหว่างเวลา 07.00-22.00 น.
ด้าน พ.อ.ศักดา ศิริรัตน์ ผอ.กองโรงงานช่างแสง ศูนย์อุตสาหกรรมสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า กรมสรรพาวุธได้ดำเนินการบูรณะพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อย 2 องค์ และเกรินบันไดนาคเสร็จแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการบูรณะพระมหาพิชัยราชรถ และราชรถน้อย หมายเลข 9783 คาดว่าจะบูรณะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่การซ่อมช่วงล่างราชรถ ราชยาน คาดว่าจะเสร็จตามกำหนดเดือนกันยายน ทั้งนี้ ได้ทดสอบการรับน้ำหนักของเกรินและบุษบกของพระมหาพิชัยราชรถ โดยใช้ถังน้ำที่มีน้ำหนัก 570 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าน้ำหนักจริงของพระโกศกับเทวดา 200 กิโลกรัม พบว่า ทั้ง 2 ส่วนรับน้ำหนักได้ดี เป็นไปด้วยความราบรื่น ส่วนการชักลากราชรถนั้น กรมสรรพาวุธได้คัดเลือกกำลังพล 300 นาย ต่อราชรถ 1 องค์ พร้อมทั้งได้มีการซักซ้อมในการเตรียมความพร้อมต่อไป