ราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นไม่หยุด ประกอบกับราคาอาหารแพง ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พุ่งขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์
กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ เผยว่า ตัวเลขดังกล่าว นับเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่มากที่สุด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นสูงถึง 5.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำขนมปัง ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนในประเทศเพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กำลังวิตกหนักขึ้นเกี่ยวกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดการเงินต่างคาดกันว่า การเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของเฟด อาจถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว และเฟดคงหันมาปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ เผยว่า ตัวเลขดังกล่าว นับเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่มากที่สุด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นสูงถึง 5.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำขนมปัง ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนในประเทศเพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กำลังวิตกหนักขึ้นเกี่ยวกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดการเงินต่างคาดกันว่า การเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของเฟด อาจถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว และเฟดคงหันมาปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้