พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 22-23 พฤษภาคมนี้ว่า เพื่อเป็นการแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ การสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้นำ และกระชับความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนาน ซึ่งจะครบรอบ 60 ปี ในปี 2552 นี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือกับนางกอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หัวข้อสำคัญ คือ การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 60 ปี ภายใต้แผนปฏิบัติการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ในปี 2551-2553 นอกจากนั้น จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านความมั่นคง กรณีเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย นอกจากนี้ คือเรื่องการค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงาน การที่ฟิลิปปินส์สนใจจะเจรจาซื้อข้าวจากไทย รวมทั้งความร่วมมืออื่นๆ ตามกรอบของอาเซียน
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ไทยกับฟิลิปปินส์ ในปี 2550 มีการลงทุนการค้าประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยได้เปรียบการค้ากว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ต้องการที่จะให้ประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนการลงทุน และอยากให้ฟิลิปปินส์มาลงทุนในไทยมากขึ้น ที่สำคัญคือ ความร่วมมือกันในเรื่องพลังงาน โดยจะเชิญหน่วยงานในฟิลิปปินส์มาดูงานที่ ปตท. และ ปตท.สผ. และจะมีการลงนามเอ็มโอยูระหว่าง 2 ประเทศ ในเรื่องโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 3 สาย และสุดท้ายคือ เรื่องข้าว ที่ฟิลิปปินส์ สนใจที่จะซื้อข้าวจากประเทศไทย เคยมีการเจรจากันแล้ว โดยฟิลิปปินส์ ต้องการซื้อแบบ จีทูจี แต่กฎหมายไทยทำไม่ได้ ดังนั้นจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเป็นฝ่ายประสานงานกับผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อข้าวจากไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในขณะนี้
ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี จะวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ริซาล ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนายโฮเซ ริซาล วีรบุรุษชาวฟิลิปปินส์ ที่ปลดปล่อยฟิลิปปินส์จากอาณานิคมสเปน และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ รวมทั้งการพบกับทีมประเทศไทยและชุมชนไทยในฟิลิปปินส์ด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือกับนางกอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หัวข้อสำคัญ คือ การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 60 ปี ภายใต้แผนปฏิบัติการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ในปี 2551-2553 นอกจากนั้น จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านความมั่นคง กรณีเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย นอกจากนี้ คือเรื่องการค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงาน การที่ฟิลิปปินส์สนใจจะเจรจาซื้อข้าวจากไทย รวมทั้งความร่วมมืออื่นๆ ตามกรอบของอาเซียน
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ไทยกับฟิลิปปินส์ ในปี 2550 มีการลงทุนการค้าประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยได้เปรียบการค้ากว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ต้องการที่จะให้ประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนการลงทุน และอยากให้ฟิลิปปินส์มาลงทุนในไทยมากขึ้น ที่สำคัญคือ ความร่วมมือกันในเรื่องพลังงาน โดยจะเชิญหน่วยงานในฟิลิปปินส์มาดูงานที่ ปตท. และ ปตท.สผ. และจะมีการลงนามเอ็มโอยูระหว่าง 2 ประเทศ ในเรื่องโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 3 สาย และสุดท้ายคือ เรื่องข้าว ที่ฟิลิปปินส์ สนใจที่จะซื้อข้าวจากประเทศไทย เคยมีการเจรจากันแล้ว โดยฟิลิปปินส์ ต้องการซื้อแบบ จีทูจี แต่กฎหมายไทยทำไม่ได้ ดังนั้นจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเป็นฝ่ายประสานงานกับผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อข้าวจากไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในขณะนี้
ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี จะวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ริซาล ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนายโฮเซ ริซาล วีรบุรุษชาวฟิลิปปินส์ ที่ปลดปล่อยฟิลิปปินส์จากอาณานิคมสเปน และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ รวมทั้งการพบกับทีมประเทศไทยและชุมชนไทยในฟิลิปปินส์ด้วย