นพ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีผู้ต้องขังคดีข่มขืนลูกตนเองภายหลังพ้นโทษยังกลับมาก่อคดีซ้ำอีก และทางกรมราชทัณฑ์ขาดกำลังแพทย์ที่จะบำบัดรักษาว่า การล่วงเกินทางเพศลูกหรือผู้ร่วมสายโลหิตเดียวกันถือเป็นปัญหาบุคลิกภาพเบี่ยงเบน ไม่ใช่การป่วยเป็นโรคจิตเวช ซึ่งกรมสุขภาพจิตสามารถเข้าไปดูแลได้ก็ต่อเมื่อผู้ต้องขังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ส่วนการบำบัดพฤติกรรม บุคลิกภาพเบี่ยงเบนที่สังคมไม่ยอมรับ เป็นภารกิจของกรมราชทัณฑ์ มีกฎหมายให้คุมขัง ผู้กระทำได้รับโทษ ดังนั้น ในกรณีนี้ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ กรมสุขภาพจิตสามารถเข้าไปร่วมมือได้ในรายที่กระทำผิดซ้ำซากจริง ๆ โดยดูตัวเลขการก่อเหตุซ้ำ รายใดสูงสุด ต้องเข้ากระบวนการบำบัดเพื่อปรับปรุงบุคลิกภาพ ซึ่งบุคลิกภาพเป็นลักษณะนิสัยประจำตัว มักไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ เขาจำเป็นต้องอยู่ในสังคมก็ต้องพยายามปรับปรุงตนเอง