นายสำเริง แสงภู่วงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงมาตรการรับมือปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างของบประมาณขุดลอกคู คลองธรรมชาติที่ตื้นเขินเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ว่า ยังไม่สามารถคาดการณ์ความหนักเบาของปัญหาในปีนี้ เพราะขึ้นกับปริมาณน้ำฝน ซึ่งหากตกเกินกว่า 100 มิลลิเมตร ติดต่อกัน 1 วัน ก็จะเกิดปัญหาน้ำท่วมเกือบเต็มพื้นที่ในหลายตำบล
นายสำเริง กล่าวว่า โครงการของกรมชลประทานซึ่งได้รับพระราชทานแนวพระราชดำริ ให้ขุดคลองและสร้างประตูระบายน้ำเพื่อผันน้ำอ้อมตัวอำเภอลงคลองแม่รำพึงออกสู่ทะเล มูลค่า 2,000 ล้านบาท และประชาชนบางกลุ่มคัดค้านเนื่องจากพื้นที่ปลายคลองแม่รำพึงมีบางส่วนติดกับพื้นที่ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยานั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นโครงการจัดหาน้ำให้กับบริษัทเอกชน เพราะหากไม่มีปริมาณน้ำฝนไหลลงคลองแม่รำพึง ก็จะไม่มีน้ำในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ขนาดและความลึกของคลองระบายน้ำก็ไม่สามารถให้เอกชนนำเรือขนส่งสินค้าเข้ามาตามที่ชาวบ้านเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการคัดค้านก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ คาดว่าใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีในการศึกษา ทุกวันนี้กรมชลประทานทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกันประชาชนต้องยอมรับด้วยว่า เมื่อโครงการยืดเวลาออกไป สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งในเรื่องงบประมาณ และความล่าช้าของการแก้ปัญหา
นายสำเริง กล่าวว่า แผนแก้ปัญหาน้ำท่วมอำเภอบางสะพานทั้งระบบ นอกจากโครงการผันน้ำอ้อมตัวอำเภอบางสะพานแล้ว ยังต้องสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางจำนวน 3 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำคลองลอย อ่างเก็บน้ำบ้านทรายทอง และอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ซึ่ง 2 แห่งแรกคาดว่า ปี 2553 จะเปิดดำเนินการได้ ทั้งนี้ อยากให้มองว่า การทำงานของกรมชลประทานสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่าย ทั้งแก้ปัญหาน้ำท่วม การจัดสรรน้ำให้ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม
นายสำเริง กล่าวว่า โครงการของกรมชลประทานซึ่งได้รับพระราชทานแนวพระราชดำริ ให้ขุดคลองและสร้างประตูระบายน้ำเพื่อผันน้ำอ้อมตัวอำเภอลงคลองแม่รำพึงออกสู่ทะเล มูลค่า 2,000 ล้านบาท และประชาชนบางกลุ่มคัดค้านเนื่องจากพื้นที่ปลายคลองแม่รำพึงมีบางส่วนติดกับพื้นที่ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยานั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นโครงการจัดหาน้ำให้กับบริษัทเอกชน เพราะหากไม่มีปริมาณน้ำฝนไหลลงคลองแม่รำพึง ก็จะไม่มีน้ำในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ขนาดและความลึกของคลองระบายน้ำก็ไม่สามารถให้เอกชนนำเรือขนส่งสินค้าเข้ามาตามที่ชาวบ้านเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการคัดค้านก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ คาดว่าใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีในการศึกษา ทุกวันนี้กรมชลประทานทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกันประชาชนต้องยอมรับด้วยว่า เมื่อโครงการยืดเวลาออกไป สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งในเรื่องงบประมาณ และความล่าช้าของการแก้ปัญหา
นายสำเริง กล่าวว่า แผนแก้ปัญหาน้ำท่วมอำเภอบางสะพานทั้งระบบ นอกจากโครงการผันน้ำอ้อมตัวอำเภอบางสะพานแล้ว ยังต้องสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางจำนวน 3 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำคลองลอย อ่างเก็บน้ำบ้านทรายทอง และอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ซึ่ง 2 แห่งแรกคาดว่า ปี 2553 จะเปิดดำเนินการได้ ทั้งนี้ อยากให้มองว่า การทำงานของกรมชลประทานสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่าย ทั้งแก้ปัญหาน้ำท่วม การจัดสรรน้ำให้ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม