ปรัธวิราช ปาติล เด็กชายชาวอินเดีย วัย 11 ปีซึ่งมีขนทั่วร่างกายยาวกว่า 3 นิ้ว ออกมาวอนผู้ใจบุญยื่นมือเข้าช่วยเขาให้หายป่วยจากโรคดังกล่าว
ปรัธวิราช ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับเมืองมุมไบ รัฐมหาราษฏระ ป่วยเป็นโรคเวอร์วูฟ ซินโดรม หรือโรคขนดกมากเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่มีโอกาสพบได้เพียง 1 ใน 1,000,000 คน โดยคาดว่าทั่วโลกมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 50 คน
ตั้งแต่อายุได้ 10 ปี ปรัธวิราชเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดซึ่งเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาหายจากโรคดังกล่าวได้
ปรัธวิราช เล่าว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องโดนล้อจากการที่มีขนขึ้นตามหน้าตาและลำตัวคล้ายหมาป่า และถูกคนจ้องมองในทุกที่ที่ปรากฏตัว
อย่างไรก็ตามแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของปรัธวิราชจะดูน่ากลัวจนทำให้ผู้คนจ้องมอง แต่เขากลับมีสุขภาพแข็งแรงดี และยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ ที่เล่นคริกเก็ตด้วยกันที่โรงเรียน
“มันเป็นเรื่องยากถ้าผมจะออกไปผจญภัยนอกเมืองที่ผมอยู่หรือไปในที่ที่ผู้คนไม่รู้จักผม ผมไม่มีปัญหากับขนตามหน้าตาและร่างกาย เพราะมันไม่คัน ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ทำให้ผมระคายเคืองด้วย แต่ผมก็ยังอยากเอาขนพวกนี้ออกจากตัวอยู่ดี หลังจากผมเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์แล้ว ขนก็กลับมาอีก หมอเองก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้” ปรัธวิราชกล่าว
เมื่อตอนที่ปรัธวิราชเกิด ชาวบ้านบอกกับอนิตา ปาติล แม่ วัย 32 ปีของเขาว่า เขาเป็นเทพลงมาจุติ บางคนก็เชื่อว่าเขาเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ บ้างก็ว่าว่าเขาเป็นลางบอกเหตุร้าย
“ชาวบ้านต่างแห่กันมาดูปรัธวิราช บางคนบอกว่าลูกของฉันเป็นเทพ บ้างก็บอกว่าเป็นปีศาจ แต่ในไม่ช้าชาวบ้านก็เริ่มคุ้นเคยกับปรัธวิราช อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังห้ามไม่ให้เราออกนอกหมู่บ้านอยู่ดี” แม่ของปรัธวิราชกล่าว
ด้านดิลิป ปาติล วัย 39 ปี พ่อของปรัธวิราช กล่าวว่า ลูกชายของเขาเรียนหนังสือเก่ง และมีความจำดี นอกจากนี้ยังชอบเล่นคริกเก็ต และใช้ชีวิตปกติเหมือนเด็กทั่วไป
“เรารู้สึกแย่เรื่องขนของเขา เราไม่อยากให้คนจ้องมองเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนผู้คนก็เอาแต่จ้องเขา เราจึงเริ่มปรึกษาหมอ และพาเขาเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ แต่เขาก็ยังไม่หายเป็นปกติอยู่ดี” พ่อของปรัธวิราชกล่าว
ขณะที่นายแพทย์วินัย เสาชี ศัลยแพทย์ซึ่งเป็นผู้ให้การรักษาปรัธวิราช กล่าวว่า การที่ปรัธวิราชมีขนดกมากเกินไปถือเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง นอกจากนี้การมีขนทั่วร่างกายยังเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก
ทั้งนี้ขณะที่แม่ของปรัธวิราชตั้งท้อง ผลการตรวจทุกอย่างเป็นปกติดี รวมถึงการสแกนเพื่อตรวจสุขภาพเด็กในครรภ์ก็ไม่พบความผิดปกตินี้แต่อย่างใด
ปรัธวิราช ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับเมืองมุมไบ รัฐมหาราษฏระ ป่วยเป็นโรคเวอร์วูฟ ซินโดรม หรือโรคขนดกมากเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่มีโอกาสพบได้เพียง 1 ใน 1,000,000 คน โดยคาดว่าทั่วโลกมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 50 คน
ตั้งแต่อายุได้ 10 ปี ปรัธวิราชเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดซึ่งเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาหายจากโรคดังกล่าวได้
ปรัธวิราช เล่าว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องโดนล้อจากการที่มีขนขึ้นตามหน้าตาและลำตัวคล้ายหมาป่า และถูกคนจ้องมองในทุกที่ที่ปรากฏตัว
อย่างไรก็ตามแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของปรัธวิราชจะดูน่ากลัวจนทำให้ผู้คนจ้องมอง แต่เขากลับมีสุขภาพแข็งแรงดี และยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ ที่เล่นคริกเก็ตด้วยกันที่โรงเรียน
“มันเป็นเรื่องยากถ้าผมจะออกไปผจญภัยนอกเมืองที่ผมอยู่หรือไปในที่ที่ผู้คนไม่รู้จักผม ผมไม่มีปัญหากับขนตามหน้าตาและร่างกาย เพราะมันไม่คัน ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ทำให้ผมระคายเคืองด้วย แต่ผมก็ยังอยากเอาขนพวกนี้ออกจากตัวอยู่ดี หลังจากผมเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์แล้ว ขนก็กลับมาอีก หมอเองก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้” ปรัธวิราชกล่าว
เมื่อตอนที่ปรัธวิราชเกิด ชาวบ้านบอกกับอนิตา ปาติล แม่ วัย 32 ปีของเขาว่า เขาเป็นเทพลงมาจุติ บางคนก็เชื่อว่าเขาเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ บ้างก็ว่าว่าเขาเป็นลางบอกเหตุร้าย
“ชาวบ้านต่างแห่กันมาดูปรัธวิราช บางคนบอกว่าลูกของฉันเป็นเทพ บ้างก็บอกว่าเป็นปีศาจ แต่ในไม่ช้าชาวบ้านก็เริ่มคุ้นเคยกับปรัธวิราช อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังห้ามไม่ให้เราออกนอกหมู่บ้านอยู่ดี” แม่ของปรัธวิราชกล่าว
ด้านดิลิป ปาติล วัย 39 ปี พ่อของปรัธวิราช กล่าวว่า ลูกชายของเขาเรียนหนังสือเก่ง และมีความจำดี นอกจากนี้ยังชอบเล่นคริกเก็ต และใช้ชีวิตปกติเหมือนเด็กทั่วไป
“เรารู้สึกแย่เรื่องขนของเขา เราไม่อยากให้คนจ้องมองเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนผู้คนก็เอาแต่จ้องเขา เราจึงเริ่มปรึกษาหมอ และพาเขาเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ แต่เขาก็ยังไม่หายเป็นปกติอยู่ดี” พ่อของปรัธวิราชกล่าว
ขณะที่นายแพทย์วินัย เสาชี ศัลยแพทย์ซึ่งเป็นผู้ให้การรักษาปรัธวิราช กล่าวว่า การที่ปรัธวิราชมีขนดกมากเกินไปถือเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง นอกจากนี้การมีขนทั่วร่างกายยังเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก
ทั้งนี้ขณะที่แม่ของปรัธวิราชตั้งท้อง ผลการตรวจทุกอย่างเป็นปกติดี รวมถึงการสแกนเพื่อตรวจสุขภาพเด็กในครรภ์ก็ไม่พบความผิดปกตินี้แต่อย่างใด
