นายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวถึงการส่งคำร้องที่จำเลยที่ 31- 47 คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) โต้แย้งเรื่องอำนาจคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการต่ออายุ คตส. ว่าขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่า ขณะนี้ตนได้ทำหนังสือตามคำสั่งขององค์คณะผู้พิพากษา เสนอนายเกรียงชัย จึงจตุรพิธ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา พิจารณาเพื่อลงชื่อส่งหนังสือให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยคาดว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะส่งหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสัปดาห์นี้
นายรักเกียรติ กล่าวด้วยว่า ที่องค์คณะผู้พิพากษามีคำสั่งส่งเรื่องที่จำเลยโต้แย้งเกี่ยวกับอำนาจ คตส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 มาตรา 211 ที่ระบุว่า ถ้าศาลเห็นเอง หรือคู่ความโต้แย้งด้วยเหตุว่ากฎหมายใดขัดต่อมาตรา 6 และยังไม่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ศาลส่งความเห็นเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัย ซึ่งระหว่างนั้นศาลจะดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
โดยคดีนี้เมื่อศาลยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ แล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องโต้แย้งว่า ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งให้อำนาจ คตส.สอบสวน และการต่ออายุ คตส.ขัดต่อ รธน. เมื่อศาลเห็นข้อโต้แย้งนั้นแล้ว และก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายส่งเรื่องให้วินิจฉัย
นายรักเกียรติ กล่าวด้วยว่า ที่องค์คณะผู้พิพากษามีคำสั่งส่งเรื่องที่จำเลยโต้แย้งเกี่ยวกับอำนาจ คตส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 มาตรา 211 ที่ระบุว่า ถ้าศาลเห็นเอง หรือคู่ความโต้แย้งด้วยเหตุว่ากฎหมายใดขัดต่อมาตรา 6 และยังไม่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ศาลส่งความเห็นเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัย ซึ่งระหว่างนั้นศาลจะดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
โดยคดีนี้เมื่อศาลยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ แล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องโต้แย้งว่า ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งให้อำนาจ คตส.สอบสวน และการต่ออายุ คตส.ขัดต่อ รธน. เมื่อศาลเห็นข้อโต้แย้งนั้นแล้ว และก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายส่งเรื่องให้วินิจฉัย
