ฟรานซ์ คัทกา โฆษกศาลออสเตรีย กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวโจเซฟ ฟริตเซล วัย 73 ปี ต่อไปอีก 1 เดือน และจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในเดือนหน้า หลังฟริตเซลถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา และได้สารภาพว่าเป็นผู้จับเอลิซาเบธ ลูกสาว ซึ่งในขณะนั้นมีอายุ 18 ปี มากักขังไว้ที่ห้องใต้ดินภายในบ้าน และข่มขืนมานานกว่า 24 ปี จนมีลูกด้วยกัน 7 คน
หนังสือพิมพ์เดอะ ซัน รายงานว่า ฟริตเซลได้ยอมรับกับรูดอล์ฟ เมเยอร์ ทนายความของเขาเมื่อวันพฤหัสบดี (8) ว่า เขาเคยคิดอยากที่จะมีเซ็กซ์กับแม่ของตัวเอง พร้อมกับกล่าวว่า “ผู้หญิงที่เข้มแข็ง” มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาอย่างมาก เนื่องจากเขาเติบโตขึ้นในยุคนาซีเรืองอำนาจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในเรื่องระเบียบวินัยที่เคร่งครัดตามแบบฉบับผู้นำอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
“ผมเติบโตขึ้นในยุคนาซี ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับคุณค่าเดิมๆ เหล่านี้ และแน่นอนมันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกล้วนๆ” ฟริตเซลกล่าว
ฟริตเซล กล่าวต่อว่า การที่เขามีความฝังใจกับแม่ของตัวเองนั้นก็เพราะแม่ของเขาเป็น “ผู้หญิงที่ดีมากที่สุดในโลก” ซึ่งมันทำให้เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกอยากมีเซ็กซ์กับแม่ของตัวเองมาตลอด
“ผมเติบโตในครอบครัวเล็กๆ ที่แฟลตแห่งหนึ่ง พ่อของผมเป็นพวกชอบล้างผลาญ และไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย เขาเป็นแค่คนขี้แพ้ที่เอาแต่หลอกแม่ของผม จนกระทั่งผมมีอายุได้ 4 ขวบ แม่ของผมก็ไล่เขาออกจากบ้าน หลังจากนั้นผมและแม่ก็ไม่เคยติดต่อกับผู้ชายคนนี้อีกเลย แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เธอสอนให้ผมรู้จักระเบียบวินัย การเป็นผู้นำ และคุณค่าของการทำงานหนัก แม่ของผมเป็นคนที่น่านับถือมาก และผมก็รักเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด” ฟริตเซลกล่าว
ฟริตเซล กล่าวด้วยว่า หลังจากเขาโตขึ้น และได้พบกับโรสแมรี ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ จนมีลูกด้วยกัน 4 คน
“โรสแมรีไม่ได้มีอะไรเหมือนแม่ของผมเลย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่วิเศษ เธอขี้อายและอ่อนแอกว่าแม่ของผม ผมเลือกเธอเพราะผมอยากจะมีลูกมากๆ ผมไม่อยากให้ลูกของผมโตขึ้นมาและใช้ชีวิตลูกโทนเหมือนผม ผมอยากให้ลูกๆ ของผมมีเพื่อนเล่นและคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ นอกจากเหตุผลนี้แล้วก็คือผมรักเธอ ทุกวันนี้ผมก็ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง” ฟริตเซลกล่าวทิ้งท้าย
หนังสือพิมพ์เดอะ ซัน รายงานว่า ฟริตเซลได้ยอมรับกับรูดอล์ฟ เมเยอร์ ทนายความของเขาเมื่อวันพฤหัสบดี (8) ว่า เขาเคยคิดอยากที่จะมีเซ็กซ์กับแม่ของตัวเอง พร้อมกับกล่าวว่า “ผู้หญิงที่เข้มแข็ง” มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาอย่างมาก เนื่องจากเขาเติบโตขึ้นในยุคนาซีเรืองอำนาจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในเรื่องระเบียบวินัยที่เคร่งครัดตามแบบฉบับผู้นำอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
“ผมเติบโตขึ้นในยุคนาซี ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับคุณค่าเดิมๆ เหล่านี้ และแน่นอนมันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกล้วนๆ” ฟริตเซลกล่าว
ฟริตเซล กล่าวต่อว่า การที่เขามีความฝังใจกับแม่ของตัวเองนั้นก็เพราะแม่ของเขาเป็น “ผู้หญิงที่ดีมากที่สุดในโลก” ซึ่งมันทำให้เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกอยากมีเซ็กซ์กับแม่ของตัวเองมาตลอด
“ผมเติบโตในครอบครัวเล็กๆ ที่แฟลตแห่งหนึ่ง พ่อของผมเป็นพวกชอบล้างผลาญ และไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย เขาเป็นแค่คนขี้แพ้ที่เอาแต่หลอกแม่ของผม จนกระทั่งผมมีอายุได้ 4 ขวบ แม่ของผมก็ไล่เขาออกจากบ้าน หลังจากนั้นผมและแม่ก็ไม่เคยติดต่อกับผู้ชายคนนี้อีกเลย แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เธอสอนให้ผมรู้จักระเบียบวินัย การเป็นผู้นำ และคุณค่าของการทำงานหนัก แม่ของผมเป็นคนที่น่านับถือมาก และผมก็รักเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด” ฟริตเซลกล่าว
ฟริตเซล กล่าวด้วยว่า หลังจากเขาโตขึ้น และได้พบกับโรสแมรี ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ จนมีลูกด้วยกัน 4 คน
“โรสแมรีไม่ได้มีอะไรเหมือนแม่ของผมเลย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่วิเศษ เธอขี้อายและอ่อนแอกว่าแม่ของผม ผมเลือกเธอเพราะผมอยากจะมีลูกมากๆ ผมไม่อยากให้ลูกของผมโตขึ้นมาและใช้ชีวิตลูกโทนเหมือนผม ผมอยากให้ลูกๆ ของผมมีเพื่อนเล่นและคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ นอกจากเหตุผลนี้แล้วก็คือผมรักเธอ ทุกวันนี้ผมก็ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง” ฟริตเซลกล่าวทิ้งท้าย
