รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งทีมประชาสัมพันธ์ของกระทรวงพาณิชย์ให้ตรวจสอบและสอบถามผู้สื่อข่าวที่ได้ทำข่าวแถลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา โดยยืนยันกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุถือหุ้นของบริษัทครอบครัวในบริษัท ทรัพย์วัฒนา จำกัด เกินร้อยละ 5 ว่า ตนถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเกินร้อยละ 5 จริง แต่บริษัทหยุดประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งผู้สอบบัญชีระบุไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินตลอดมา และที่สำคัญ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทขาดทุนสะสมติดต่อกันกว่า 84 ล้านบาท ผู้สอบบัญชีแสดงไว้ในรายการของผู้สอบบัญชีอนุญาต และเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2549 ศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้บริษัท นพกิจร่วมทุน จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัททรัพย์วัฒนาล้มละลาย ทำให้บริษัท นพกิจฯ พ้นสภาพเป็นนิติบุคคล จึงทำให้ผู้ถือหุ้นบริษัททรัพย์วัฒนา จากเดิม 7 คน เหลือ 6 คน
ทั้งนี้ ทางบริษัท ทรัพย์วัฒนา พยายามหาผู้ร่วมทุนใหม่ แต่ไม่สามารถหาได้ เนื่องจากบริษัท ทรัพย์วัฒนา ขาดทุนสะสมมากกว่า 3 เท่าของเงินลงทุน ต่อมาวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ผู้ถือหุ้นในบริษัททรัพย์วัฒนา มีมติเลิกกิจการ เนื่องจากหยุดกิจการเกิน 1 ปี และมีผู้ถือหุ้นไม่ครบตามกฎหมายกำหนด โดยการที่ถือหุ้นในบริษัท ทรัพย์วัฒนา ไม่ว่าสัดส่วนเท่าใด และมีหุ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจของบริษัททรัพย์วัฒนา หยุดกิจการนานแล้ว
ตามกระบวนการของกฎหมายต้องใช้เวลา จึงมองว่ายังมีหุ้นอยู่ในทรัพย์วัฒนา เกินร้อยละ 5 ถือว่าผิดกฎหมายตามที่ ป.ป.ช.ระบุไว้
อย่างไรก็ตาม การหาเทปแถลงข่าวในครั้งนี้ มีการแจ้งว่าเพื่อนำมาตรวจสอบว่าสื่อมวลชนได้ลงข่าวถูกต้องหรือไม่ และยังระบุว่า ยินดีหากจะเสียเงินเพื่อซื้อเทปแถลงข่าวในครั้งนี้จำนวนเท่าไรก็ได้ และตลอดสัปดาห์นี้ นายวิรุฬ ได้เข้ามาปฏิบัติงานในกระทรวงพาณิชย์ โดยจะอยู่ช่วงเช้าเท่านั้น ส่วนช่วงบ่ายไม่รู้ออกไปปฏิบัติงานที่ใด แม้ว่าจะสอบถามเลขาส่วนตัวก็ไม่ได้รับคำยืนยันที่ชัดเจนมากนัก
ทั้งนี้ ทางบริษัท ทรัพย์วัฒนา พยายามหาผู้ร่วมทุนใหม่ แต่ไม่สามารถหาได้ เนื่องจากบริษัท ทรัพย์วัฒนา ขาดทุนสะสมมากกว่า 3 เท่าของเงินลงทุน ต่อมาวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ผู้ถือหุ้นในบริษัททรัพย์วัฒนา มีมติเลิกกิจการ เนื่องจากหยุดกิจการเกิน 1 ปี และมีผู้ถือหุ้นไม่ครบตามกฎหมายกำหนด โดยการที่ถือหุ้นในบริษัท ทรัพย์วัฒนา ไม่ว่าสัดส่วนเท่าใด และมีหุ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจของบริษัททรัพย์วัฒนา หยุดกิจการนานแล้ว
ตามกระบวนการของกฎหมายต้องใช้เวลา จึงมองว่ายังมีหุ้นอยู่ในทรัพย์วัฒนา เกินร้อยละ 5 ถือว่าผิดกฎหมายตามที่ ป.ป.ช.ระบุไว้
อย่างไรก็ตาม การหาเทปแถลงข่าวในครั้งนี้ มีการแจ้งว่าเพื่อนำมาตรวจสอบว่าสื่อมวลชนได้ลงข่าวถูกต้องหรือไม่ และยังระบุว่า ยินดีหากจะเสียเงินเพื่อซื้อเทปแถลงข่าวในครั้งนี้จำนวนเท่าไรก็ได้ และตลอดสัปดาห์นี้ นายวิรุฬ ได้เข้ามาปฏิบัติงานในกระทรวงพาณิชย์ โดยจะอยู่ช่วงเช้าเท่านั้น ส่วนช่วงบ่ายไม่รู้ออกไปปฏิบัติงานที่ใด แม้ว่าจะสอบถามเลขาส่วนตัวก็ไม่ได้รับคำยืนยันที่ชัดเจนมากนัก