นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมด้วย นายปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวเปิดตัว นิด้าโพล และรายงานผลการสำรวจ นิด้าโพล ครั้งที่ 1 เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปัญหาเร่งด่วนของชาติ
นายสมบัติ กล่าวว่า การดำเนินการมีจุดประสงค์ในการบริหารวิชาการทั่วไป ให้เป็นทางเลือกในการรับข้อมูลของประชาชน ในฐานะที่สถาบันมีผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนบริหารศาสตร์ สถิติและไอที รวมถึงการนำเสนอความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นที่น่าสนใจทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการบริหารอย่างต่อเนื่อง และให้บริการแก่สังคมเฉพาะกลุ่ม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ต้องการดำเนินการสำรวจในประเด็นต่างๆ ซึ่งนิด้าดำเนินการสำรวจโดยใช้วิธีทางสถิติ โดยประมาณค่าร้อยละจากจำนวนประชากร ไม่ใช่ประมาณค่าร้อยละจากจำนวนตัวอย่างที่สำรวจ
ด้านนายปกรณ์ กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคต่างๆ ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2551 พบว่า มีประชาชนร้อยละ 5.2 ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ขณะที่ร้อยละ 43.6 เห็นว่าควรแก้ไขเพียงบางส่วน และร้อยละ 39.6 ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนในภาคใต้ ร้อยละ 51.7 และภาคกลาง 42.4 สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ นั้น ปรากฏว่า ประชาชนร้อยละ 72 เห็นด้วยกับการมาตรา 237 ในเรื่องการกระทำผิดของหัวหน้า/กรรมการบริหารพรรค ให้เป็นความผิดส่วนบุคคล ขณะที่ร้อยละ 16 ไม่เห็นด้วย สำหรับแก้ไขมาตรา 309 ในเรื่องอำนาจขององค์กรอิสระต่างๆ ร้อยละ 63.6 เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 19.4 ไม่เห็นด้วย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรคและการตัดสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2550 พบว่าร้อยละ 44.5 เห็นด้วย และร้อยละ 34.2 ไม่เห็นด้วย
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนในภาคต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาเร่งด่วนที่สุดของชาติที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขเป็นอันแรก นายปกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาปากท้อง/เศรษฐกิจ ร้อยละ 70.1 โดยประชาชนร้อยละ 46.7 เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลยังดำเนินการแก้ไขไม่ถูกทาง และร้อยละ 32 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ สำหรับปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ร้อยละ 67 เห็นว่ารัฐบาลยังแก้ไขปัญหาไม่ถูกทาง และร้อยละ 16.2 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ การแก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 64.8 ทำไม่ถูกทาง และร้อยละ 22.2 ทำถูกทางแล้ว ส่วนปัญหาทุจริต คอรัปชั่นนั้น ประชาชนร้อยละ 47.6 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ และ ร้อยละ 28.1 เห็นว่าทำไม่ถูกทาง
นายสมบัติ กล่าวว่า จากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนในภาคต่าง เห็นได้ชัดว่า ปัญหาที่ประชาชนให้ความสนใจขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ซึ่งตนคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลหันมาสนใจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และภายในเดือนนี้ นิด้า จะทำการสำรวจความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนที่ประชาชนสนใจบ้าง และนำเสนอต่อสังคมต่อไป
นายสมบัติ กล่าวว่า การดำเนินการมีจุดประสงค์ในการบริหารวิชาการทั่วไป ให้เป็นทางเลือกในการรับข้อมูลของประชาชน ในฐานะที่สถาบันมีผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนบริหารศาสตร์ สถิติและไอที รวมถึงการนำเสนอความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นที่น่าสนใจทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการบริหารอย่างต่อเนื่อง และให้บริการแก่สังคมเฉพาะกลุ่ม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ต้องการดำเนินการสำรวจในประเด็นต่างๆ ซึ่งนิด้าดำเนินการสำรวจโดยใช้วิธีทางสถิติ โดยประมาณค่าร้อยละจากจำนวนประชากร ไม่ใช่ประมาณค่าร้อยละจากจำนวนตัวอย่างที่สำรวจ
ด้านนายปกรณ์ กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคต่างๆ ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2551 พบว่า มีประชาชนร้อยละ 5.2 ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ขณะที่ร้อยละ 43.6 เห็นว่าควรแก้ไขเพียงบางส่วน และร้อยละ 39.6 ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนในภาคใต้ ร้อยละ 51.7 และภาคกลาง 42.4 สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ นั้น ปรากฏว่า ประชาชนร้อยละ 72 เห็นด้วยกับการมาตรา 237 ในเรื่องการกระทำผิดของหัวหน้า/กรรมการบริหารพรรค ให้เป็นความผิดส่วนบุคคล ขณะที่ร้อยละ 16 ไม่เห็นด้วย สำหรับแก้ไขมาตรา 309 ในเรื่องอำนาจขององค์กรอิสระต่างๆ ร้อยละ 63.6 เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 19.4 ไม่เห็นด้วย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรคและการตัดสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2550 พบว่าร้อยละ 44.5 เห็นด้วย และร้อยละ 34.2 ไม่เห็นด้วย
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนในภาคต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาเร่งด่วนที่สุดของชาติที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขเป็นอันแรก นายปกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาปากท้อง/เศรษฐกิจ ร้อยละ 70.1 โดยประชาชนร้อยละ 46.7 เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลยังดำเนินการแก้ไขไม่ถูกทาง และร้อยละ 32 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ สำหรับปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ร้อยละ 67 เห็นว่ารัฐบาลยังแก้ไขปัญหาไม่ถูกทาง และร้อยละ 16.2 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ การแก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 64.8 ทำไม่ถูกทาง และร้อยละ 22.2 ทำถูกทางแล้ว ส่วนปัญหาทุจริต คอรัปชั่นนั้น ประชาชนร้อยละ 47.6 เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำ และ ร้อยละ 28.1 เห็นว่าทำไม่ถูกทาง
นายสมบัติ กล่าวว่า จากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนในภาคต่าง เห็นได้ชัดว่า ปัญหาที่ประชาชนให้ความสนใจขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ ซึ่งตนคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลหันมาสนใจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และภายในเดือนนี้ นิด้า จะทำการสำรวจความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนที่ประชาชนสนใจบ้าง และนำเสนอต่อสังคมต่อไป
