นายประจวบ ตันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีแอนด์ที และนายประสิทธชัย กฤษณยรรยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีทีแอนด์ที ร่วมกันแถลงข่าวว่า อนุญาโตตุลาการได้ตัดสินให้ทีทีแอนด์ทีชนะในกรณีพิพาทกับทีโอที โดยให้ทีโอทีชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการนำบริการอื่นที่ไม่ใช่โทรศัพท์พื้นฐานมาใช้บนโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานที่ลงทุนโดยทีทีแอนด์ที เป็นเงิน 23,778 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย MLR+ร้อยละ 1 โดยคิดคำนวณค่าเชื่อมโยงโครงข่ายหรือแอ็คเซ็สชาร์จ ที่ผู้ให้บริการมือถือทุกรายจ่ายให้ทีโอทีนับตั้งแต่ปี 2536-เดือนเมษายน 2548
นายประจวบ กล่าวว่า รายได้ค่าเชื่อมโยงโครงข่ายที่ทีโอทีได้รับจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ นับตั้งแต่ปี 2536-2548 มีถึง 124,798 ล้านบาท ซึ่งควรแบ่งให้ทีทีแอนด์ที 23,778 ล้านบาท ในฐานะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในโครงข่ายที่ลงทุนไปนับแต่ปี 2535 ในฐานะผู้รับสัมปทานอายุ 25 ปี จากทีโอที แม้ว่าสัมปทานจะกำหนดให้สร้างและยกให้รัฐ หรือ BTO (Built Transfer Operated) แต่บริษัทก็ยังได้สิทธิ์ใช้โครงข่าย และในสัญญาสัมปทานก็ระบุชัดว่า หากมีบริการอื่นมาวิ่งบนโครงข่ายของเรา ก็ต้องแบ่งรายได้กัน
พร้อมระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวถือว่าไม่มาก หากทีโอทียอมจ่ายปีต่อปีตั้งแต่ปีแรก เมื่อไม่จ่ายก็เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ เมื่อมีการตัดสิน ก็จะมีผลทันที และจะต้องจ่ายต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นสุดอายุสัญญาอีก 10 ปี
ด้านสุเทพ ศรีสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารการลงทุน และรักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกฎหมาย บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ทีโอทีจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป และไม่ว่าศาลปกครองจะพิพากษาอย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องฟ้องถึงขั้นศาลปกครองสูงสุดแน่อน ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 10 ปี จึงจะถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ทีโอทียังยืนยันว่า สัญญาสัมปทานแบบ BTO ทำให้โครงข่ายทั้งหมดเป็นของรัฐ จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งรายได้ให้เอกชนผู้รับสัมปทาน
นายประจวบ กล่าวว่า รายได้ค่าเชื่อมโยงโครงข่ายที่ทีโอทีได้รับจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ นับตั้งแต่ปี 2536-2548 มีถึง 124,798 ล้านบาท ซึ่งควรแบ่งให้ทีทีแอนด์ที 23,778 ล้านบาท ในฐานะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในโครงข่ายที่ลงทุนไปนับแต่ปี 2535 ในฐานะผู้รับสัมปทานอายุ 25 ปี จากทีโอที แม้ว่าสัมปทานจะกำหนดให้สร้างและยกให้รัฐ หรือ BTO (Built Transfer Operated) แต่บริษัทก็ยังได้สิทธิ์ใช้โครงข่าย และในสัญญาสัมปทานก็ระบุชัดว่า หากมีบริการอื่นมาวิ่งบนโครงข่ายของเรา ก็ต้องแบ่งรายได้กัน
พร้อมระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวถือว่าไม่มาก หากทีโอทียอมจ่ายปีต่อปีตั้งแต่ปีแรก เมื่อไม่จ่ายก็เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ เมื่อมีการตัดสิน ก็จะมีผลทันที และจะต้องจ่ายต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นสุดอายุสัญญาอีก 10 ปี
ด้านสุเทพ ศรีสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารการลงทุน และรักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกฎหมาย บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ทีโอทีจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป และไม่ว่าศาลปกครองจะพิพากษาอย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องฟ้องถึงขั้นศาลปกครองสูงสุดแน่อน ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 10 ปี จึงจะถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ทีโอทียังยืนยันว่า สัญญาสัมปทานแบบ BTO ทำให้โครงข่ายทั้งหมดเป็นของรัฐ จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งรายได้ให้เอกชนผู้รับสัมปทาน
