นายนิกร บุญศรี อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน กรมทางหลวงยอมรับว่าปัญหาการลักทรัพย์ของกรมทางหลวง ได้มีสถิติพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด โดยตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ มีวงเงินค่าเสียหายแล้วกว่า 45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 5 ล้านบาท โดยสิ่งของที่โดนลักขโมย เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ริมเขตทาง สายไฟทั้งที่อยู่ตามเสาไฟและสายที่ฝังใต้ดิน ป้ายบอกทางและป้ายจราจร ปูนซีเมนต์หล่อกั้นเขตทาง จนถึงการงัดไม้ในศาลาพักริมทางไปขาย ซึ่งถนนที่มีปัญหาโดนโจรกรรมมากที่สุด เป็นถนนในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) จากกรุงเทพฯ ไปสมุทรปราการ ปทุมธานี และสมุทรสาคร
ทั้งนี้ พฤติกรรมการลักทรัพย์ ที่ทำเป็นขบวนการออกปฏิบัติการทั้งกลางวันและกลางคืน ล่าสุดพบว่ามีพฤติกรรมนำรถปิกอัพมาทาสีเหลืองเพื่อให้ดูคล้ายกับรถของกรมทางหลวง ขับมาจอดเทียบเสาไฟ พร้อมกับปีนขึ้นไปตัดสายไฟ หรือถอดน็อตของหม้อแปลงและยกนำไปขายทั้งชุด ซึ่งแม้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกนำไปขายตามสภาพ และราคาของโลหะ เช่น ตะกั่วและทองแดง จะไม่ได้เงินมากนัก แต่ก็สร้างความเสียหายในทรัพย์สินของราชการเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ พฤติกรรมการลักทรัพย์ ที่ทำเป็นขบวนการออกปฏิบัติการทั้งกลางวันและกลางคืน ล่าสุดพบว่ามีพฤติกรรมนำรถปิกอัพมาทาสีเหลืองเพื่อให้ดูคล้ายกับรถของกรมทางหลวง ขับมาจอดเทียบเสาไฟ พร้อมกับปีนขึ้นไปตัดสายไฟ หรือถอดน็อตของหม้อแปลงและยกนำไปขายทั้งชุด ซึ่งแม้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกนำไปขายตามสภาพ และราคาของโลหะ เช่น ตะกั่วและทองแดง จะไม่ได้เงินมากนัก แต่ก็สร้างความเสียหายในทรัพย์สินของราชการเป็นอย่างมาก
