นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันนี้ (28 มี.ค.) ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ คงอยากจะแสดงพลังอะไรบางอย่างให้เห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีบทบาทอยู่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำได้ และมองให้เป็นเรื่องปกติดีกว่า ตราบใดที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังทำตามกรอบของกฎหมาย ก็ควรสนับสนุนและให้ได้พุดคุยกัน
นายนพดล กล่าวว่า ส่วนตัวตนอยากให้รักษาความน่าเชื่อถือของกลุ่มพันธมิตรฯ เอาไว้ โดยตั้งข้อสังเกตใน 2 เรื่อง คือ แกนนำพันธมิตรฯ บางคนที่เป็น ส.ว.หรือ ส.ส. ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเคลื่อนไหวอยู่นอกสภา และมาสมัครเป็น ส.ส. แต่ก็ยังคงทำงานนอกสภา ตนจึงคิดว่าคำพูดที่พวกเขาต้องการให้เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาไม่ได้เป็นจริงอีกแล้ว และตนอยากให้พันธมิตรฯ รักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร ด้วยการพูดสิ่งที่เป็นเรื่องจริงและสร้างสรรค์ต่อประเทศชาติ เช่น การเคยแถลงกล่าวหารัฐบาลว่าเป็นรัฐตำรวจ หรือรัฐบาลจะปฏิวัติตัวเอง ตรงนี้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ต่อต่างประเทศ แม้ตนจะมั่นใจว่าพันธมิตรฯ จะไม่สามารถสั่นคลอนสเถียรภาพรัฐบาล แต่สิ่งที่พันธมิตรฯ ออกมาพูด ได้ถูกนำไปรายงานทั่วโลก เหมือนกับประเทศไทยไม่มีกฎกติกา ใครจะพูดจะทำอะไรก็ได้ ทำให้ต่างประเทศสับสน เพราะเขาไม่ได้ติดตามใกล้ชิดเหมือนคนที่อยูในประเทศ อีกทั้งยังสวนทางต่อสิ่งที่กระทรวงต่างประเทศพยายามส่งเสริมภาพลักษณ์ทำให้กระทรวงฯ ทำงานได้ยากขึ้น
นายนพดล กล่าวว่า ส่วนตัวตนอยากให้รักษาความน่าเชื่อถือของกลุ่มพันธมิตรฯ เอาไว้ โดยตั้งข้อสังเกตใน 2 เรื่อง คือ แกนนำพันธมิตรฯ บางคนที่เป็น ส.ว.หรือ ส.ส. ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเคลื่อนไหวอยู่นอกสภา และมาสมัครเป็น ส.ส. แต่ก็ยังคงทำงานนอกสภา ตนจึงคิดว่าคำพูดที่พวกเขาต้องการให้เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาไม่ได้เป็นจริงอีกแล้ว และตนอยากให้พันธมิตรฯ รักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร ด้วยการพูดสิ่งที่เป็นเรื่องจริงและสร้างสรรค์ต่อประเทศชาติ เช่น การเคยแถลงกล่าวหารัฐบาลว่าเป็นรัฐตำรวจ หรือรัฐบาลจะปฏิวัติตัวเอง ตรงนี้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ต่อต่างประเทศ แม้ตนจะมั่นใจว่าพันธมิตรฯ จะไม่สามารถสั่นคลอนสเถียรภาพรัฐบาล แต่สิ่งที่พันธมิตรฯ ออกมาพูด ได้ถูกนำไปรายงานทั่วโลก เหมือนกับประเทศไทยไม่มีกฎกติกา ใครจะพูดจะทำอะไรก็ได้ ทำให้ต่างประเทศสับสน เพราะเขาไม่ได้ติดตามใกล้ชิดเหมือนคนที่อยูในประเทศ อีกทั้งยังสวนทางต่อสิ่งที่กระทรวงต่างประเทศพยายามส่งเสริมภาพลักษณ์ทำให้กระทรวงฯ ทำงานได้ยากขึ้น