ผลการศึกษาของสหรัฐฯ พบว่า ทารกชายมีแนวโน้มเสียชีวิตง่ายกว่าทารกหญิง เพราะจากการวิเคราะห์ตัวเลขการเสียชีวิตของทารกใน 15 ประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่า ทารกชายมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าทารกหญิงถึงร้อยละ 24
ทั้งนี้ ทารกชายเสียชีวิตง่ายกว่าทารกหญิง เพราะเด็กผู้หญิงมีภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงกว่าเด็กผู้ชาย ในขณะที่เด็กผู้ชายมีแนวโน้มจะคลอดก่อนกำหนด และมีปัญหาด้านระบบหายใจมากกว่าเด็กผู้หญิงถึงร้อยละ 60 นอกจากนี้ เด็กผู้ชายยังมีแนวโน้มคลอดยากกว่า เพราะลำตัวและขนาดศีรษะจะใหญ่กว่าเด็กผู้หญิง
แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้อัตราการเสียชีวิตของทารกมีน้อยลง แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตัวเลขการเสียชีวิตของทารกเพศชายกลับมีเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ก็มักเป็นทารกที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ทั้งที่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2294-2413 อัตราการเสียชีวิตระหว่างทารกหญิงกับทารกชายในสมัยนั้นยังไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมีค่าความแตกต่างประมาณร้อยละ 10-15 เท่านั้น
ทั้งนี้ ทารกชายเสียชีวิตง่ายกว่าทารกหญิง เพราะเด็กผู้หญิงมีภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงกว่าเด็กผู้ชาย ในขณะที่เด็กผู้ชายมีแนวโน้มจะคลอดก่อนกำหนด และมีปัญหาด้านระบบหายใจมากกว่าเด็กผู้หญิงถึงร้อยละ 60 นอกจากนี้ เด็กผู้ชายยังมีแนวโน้มคลอดยากกว่า เพราะลำตัวและขนาดศีรษะจะใหญ่กว่าเด็กผู้หญิง
แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้อัตราการเสียชีวิตของทารกมีน้อยลง แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตัวเลขการเสียชีวิตของทารกเพศชายกลับมีเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ก็มักเป็นทารกที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ทั้งที่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2294-2413 อัตราการเสียชีวิตระหว่างทารกหญิงกับทารกชายในสมัยนั้นยังไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมีค่าความแตกต่างประมาณร้อยละ 10-15 เท่านั้น
