นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย (พสป.) นำสมาชิกกว่า 100 คน เดินทางมาร้องเรียนที่กระทรวงแรงงาน ให้หาทางแก้ปัญหาของกลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีนางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณอยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมรับฟัง
นายสมยศ กล่าวภายหลังยื่นข้อเรียกร้องว่า ยื่นข้อเสนอทั้งหมด 6 ข้อ ให้กระทรวงแรงงานเร่งพิจารณาช่วยเหลือเร่งด่วน อาทิ การขอให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 233 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ขอให้มีการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมมาช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน กรณีเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 350 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 400 บาทต่อเดือน และขยายเวลาการช่วยเหลือจาก 6 ปี เป็น 12 ปี รวมถึงให้นำดอกผลจากเงินกองทุนฯ มาช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีบุตรกำลังศึกษาในระดับอนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา เป็นค่าอุปกรณ์การเรียนคนละ 2,000 บาท และให้จ่ายเงินในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ พร้อมทั้งขยายสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมจาก 500 บาทต่อปีเป็น 1,000 บาท
นายสมยศ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรง โดยให้แรงงานเหมาค่าแรงได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับพนักงานประจำ พร้อมยืนยันว่า หากในวันพรุ่งนี้ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาค่าจ้างกลางจะมีการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้าง ไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างจนเป็นที่พอใจ จะมีการเคลื่อนไหวต่อ โดยจะไปร้องเรียนกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้หาทางช่วยเหลือ สำหรับการเข้าพบนางอุไรวรรณ ในวันนี้ แม้จะรู้สึกพอใจที่รัฐมนตรีมารับฟังเรื่องด้วยตนเอง แต่ไม่มีการสั่งให้แก้ไขปัญหาที่แน่ชัด ซึ่งตนมองว่าสาเหตุเกิดจากรัฐมนตรียังไม่มีความเข้าใจสภาพปัญหาของผู้ใช้แรงงาน และรับฟังแต่ข้าราชการประจำมากเกินไป
นายสมยศ กล่าวภายหลังยื่นข้อเรียกร้องว่า ยื่นข้อเสนอทั้งหมด 6 ข้อ ให้กระทรวงแรงงานเร่งพิจารณาช่วยเหลือเร่งด่วน อาทิ การขอให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 233 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ขอให้มีการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมมาช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน กรณีเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 350 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 400 บาทต่อเดือน และขยายเวลาการช่วยเหลือจาก 6 ปี เป็น 12 ปี รวมถึงให้นำดอกผลจากเงินกองทุนฯ มาช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีบุตรกำลังศึกษาในระดับอนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา เป็นค่าอุปกรณ์การเรียนคนละ 2,000 บาท และให้จ่ายเงินในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ พร้อมทั้งขยายสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมจาก 500 บาทต่อปีเป็น 1,000 บาท
นายสมยศ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรง โดยให้แรงงานเหมาค่าแรงได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับพนักงานประจำ พร้อมยืนยันว่า หากในวันพรุ่งนี้ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาค่าจ้างกลางจะมีการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้าง ไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างจนเป็นที่พอใจ จะมีการเคลื่อนไหวต่อ โดยจะไปร้องเรียนกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้หาทางช่วยเหลือ สำหรับการเข้าพบนางอุไรวรรณ ในวันนี้ แม้จะรู้สึกพอใจที่รัฐมนตรีมารับฟังเรื่องด้วยตนเอง แต่ไม่มีการสั่งให้แก้ไขปัญหาที่แน่ชัด ซึ่งตนมองว่าสาเหตุเกิดจากรัฐมนตรียังไม่มีความเข้าใจสภาพปัญหาของผู้ใช้แรงงาน และรับฟังแต่ข้าราชการประจำมากเกินไป
