นายวรินทร์ เทียมจรัส สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.แบบสรรหา กล่าวสนับสนุนแนวคิดของนายประสพสุข บุญเดช ว่าที่ประธานวุฒิสภา ที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษขึ้นตรวจสอบข่าวการซื้อเสียง ส.ว.ในการเลือกประธานวุฒิสภา ว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ เพราะหากมีการครอบงำรัฐสภา หรือ วุฒิสภา ย่อมสร้างความเสียหาย และเคยเป็นการนำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แล้ว ซึ่งบทบาทของ ส.ว. ที่จะตั้งเป็นคณะกรรมาธิการพิเศษ ควรเป็นคณะกรรมาธิการที่แยกขึ้นมาอีก 1 คณะ เพื่อวางมาตรฐานใหม่ ซึ่งหากพบเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ควรมีกฎหมายลงโทษให้ถึงขั้นยุบพรรคด้วย
นายวรินทร์ กล่าวอีกว่า ต้องวางรากฐานใหม่ ไม่ให้การเมืองแทรกแซง ถ้าพบว่า ในการแทรกแซงวุฒิสภาหากเกิดขึ้นโดยภาคการเมือง น่าจะบัญญัติให้เป็นเหตุยุบพรรคไปเลย เราต้องศึกษาว่าหากเป็นพฤติกรรมของพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะเราเขียนในรัฐธรรมนูญแยกการเมืองของพรรคการเมืองไว้ซีกหนึ่งแล้ว และการเมืองของภาคพลเมือง ซึ่งเรียกว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน หากข้ามกัน เห็นว่า ควรมีกฎหมายลงโทษ มีเหตุถึงยุบพรรคไปเลย เหมือนกฎหมายที่ กกต. ใช้อยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประเพณีการปฏิบัติที่เคารพสิทธิของพลเมือง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า ข่าวซื้อเสียง ส.ว. ในการเลือกประธานวุฒิสภานั้น คงเป็นเรื่องที่สมาชิกวุฒิสภาจะต้องดำเนินการตรวจสอบกันเอง ไม่เกี่ยวกับ กกต. เพราะผ่านขั้นตอนของการเลือกตั้งมาแล้ว
นายวรินทร์ กล่าวอีกว่า ต้องวางรากฐานใหม่ ไม่ให้การเมืองแทรกแซง ถ้าพบว่า ในการแทรกแซงวุฒิสภาหากเกิดขึ้นโดยภาคการเมือง น่าจะบัญญัติให้เป็นเหตุยุบพรรคไปเลย เราต้องศึกษาว่าหากเป็นพฤติกรรมของพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะเราเขียนในรัฐธรรมนูญแยกการเมืองของพรรคการเมืองไว้ซีกหนึ่งแล้ว และการเมืองของภาคพลเมือง ซึ่งเรียกว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน หากข้ามกัน เห็นว่า ควรมีกฎหมายลงโทษ มีเหตุถึงยุบพรรคไปเลย เหมือนกฎหมายที่ กกต. ใช้อยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประเพณีการปฏิบัติที่เคารพสิทธิของพลเมือง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า ข่าวซื้อเสียง ส.ว. ในการเลือกประธานวุฒิสภานั้น คงเป็นเรื่องที่สมาชิกวุฒิสภาจะต้องดำเนินการตรวจสอบกันเอง ไม่เกี่ยวกับ กกต. เพราะผ่านขั้นตอนของการเลือกตั้งมาแล้ว