นานเกือบ 2 ชั่วโมงที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงถึงประโยชน์ของการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรวบรวมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าพรรคพลังประชาชนพยายามยื้อเวลาเนื่องจากมีปัญหาภายในพรรคเกี่ยวกับการจัดสรรบุคคลทำหน้าที่กรรมาธิการ โดย นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช เสนอญัตติให้เลื่อนการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาก่อนข้อบังคับและวาระปกติ ส่งผลให้ประธานที่ประชุมต้องเปิดลงมติเพื่อขอความเห็นของสมาชิก ซึ่งเสียง 137 ต่อ 245 คะแนน ไม่เห็นด้วยให้เลื่อนการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา ขณะที่เสียง 285 ต่อ 1 เห็นด้วยให้พิจารณาตามวาระปกติ ดังนั้นที่ประชุมจึงต้องการพิจารณารายงานการพัฒนาระบบราชการไทย หรือ ก.พ.ร.ปี 2550
ทั้งนี้ ตามข้อตกลงของวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้การตั้งคณะกรรมาธิการ 32 คณะ โดยแบ่งสัดส่วนประธานคณะกรรมาธิการไปแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชาชน 14 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ 11 คณะ พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคละ 2 คณะ ส่วนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคประชาราช และพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคละ 1 คณะ ซึ่งแต่ละคณะให้ ส.ส.ทำหน้าที่กรรมาธิการตามสัดส่วนจำนวน ส.ส.ในแต่ละพรรค โดย 1 คน เป็นได้ไม่เกิน 2 คณะ และคณะหนึ่งมีจำนวนกรรมาธิการได้ไม่เกิน 15 คน พร้อมกันนี้ วิปทั้ง 2 ฝ่าย ยังได้ตกลงที่จะส่งรายชื่อต่อที่ประชุมภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ถูกยืดเยื้อต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งนี้ ตามข้อตกลงของวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้การตั้งคณะกรรมาธิการ 32 คณะ โดยแบ่งสัดส่วนประธานคณะกรรมาธิการไปแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชาชน 14 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ 11 คณะ พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคละ 2 คณะ ส่วนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคประชาราช และพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคละ 1 คณะ ซึ่งแต่ละคณะให้ ส.ส.ทำหน้าที่กรรมาธิการตามสัดส่วนจำนวน ส.ส.ในแต่ละพรรค โดย 1 คน เป็นได้ไม่เกิน 2 คณะ และคณะหนึ่งมีจำนวนกรรมาธิการได้ไม่เกิน 15 คน พร้อมกันนี้ วิปทั้ง 2 ฝ่าย ยังได้ตกลงที่จะส่งรายชื่อต่อที่ประชุมภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ถูกยืดเยื้อต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้