พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) แถลงว่า คณะกรรมการทีโอทีที่เหลืออีก 10 คน ได้ยื่นหนังสือลาออก และมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากก่อนหน้านี้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ และกรรมการอีก 2 คนลาออกไปแล้ว เพื่อเปิดทางให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้จัดทำเอกสารผลงานในรอบ 1 ปีที่เข้ามาบริหารทีโอทีเสร็จแล้ว และแจกจ่ายสื่อมวลชน โดยระบุว่า ทีโอทีมีความสามารถในการทำกำไร ในปี 2550 จำนวน 5,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 61 จากปี 2549 ที่มีกำไร 3,652 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงจากปี 2549 ที่มีรายได้ 55,397 ล้านบาท เหลือ 52,590 ล้านบาท ในปี 2550 โดยเป็นรายได้ที่ยังไม่ได้บันทึกรายได้จากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (แอ็คเซสชาร์จ) ที่ค้างจ่ายของดีแทคและทรูมูฟและเป็นรายได้ที่ไม่หักภาษีสรรพสามิต 8,000 ล้านบาท แต่ทีโอทีก็มีรายจ่ายปี 2550 อยู่ที่ 48,587 ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ที่มีรายจ่าย 53,379 ล้านบาท เพราะลดค่าบริการจัดการและยกเลิกโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร
อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 ทีโอทีจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายพนักงานเพื่อให้แข่งขันได้ เนื่องจากพบว่า ทีโอทีมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าค่าใช้จ่ายแรงงานของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมถึง 1.5 เท่า จึงมีแผนลดพนักงาน 2,500 คน ภายในปี 2554 จากปัจจุบันมีพนักงาน 19,700 คน ด้วยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยปี 2551 ตั้งเป้าลดจำนวนพนักงาน 1,700 คน โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ พร้อมตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากการประกอบการของทีโอทีเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท เนื่องจากได้เร่งให้พนักงานทำตลาดโทรศัพท์พื้นฐานและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งโครงการโทรศัพท์พื้นฐาน 560,000 เลขหมายได้ติดตั้งแล้วเสร็จมียอดขายแล้วร้อยละ 25
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้จัดทำเอกสารผลงานในรอบ 1 ปีที่เข้ามาบริหารทีโอทีเสร็จแล้ว และแจกจ่ายสื่อมวลชน โดยระบุว่า ทีโอทีมีความสามารถในการทำกำไร ในปี 2550 จำนวน 5,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 61 จากปี 2549 ที่มีกำไร 3,652 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงจากปี 2549 ที่มีรายได้ 55,397 ล้านบาท เหลือ 52,590 ล้านบาท ในปี 2550 โดยเป็นรายได้ที่ยังไม่ได้บันทึกรายได้จากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (แอ็คเซสชาร์จ) ที่ค้างจ่ายของดีแทคและทรูมูฟและเป็นรายได้ที่ไม่หักภาษีสรรพสามิต 8,000 ล้านบาท แต่ทีโอทีก็มีรายจ่ายปี 2550 อยู่ที่ 48,587 ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ที่มีรายจ่าย 53,379 ล้านบาท เพราะลดค่าบริการจัดการและยกเลิกโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร
อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 ทีโอทีจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายพนักงานเพื่อให้แข่งขันได้ เนื่องจากพบว่า ทีโอทีมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าค่าใช้จ่ายแรงงานของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมถึง 1.5 เท่า จึงมีแผนลดพนักงาน 2,500 คน ภายในปี 2554 จากปัจจุบันมีพนักงาน 19,700 คน ด้วยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยปี 2551 ตั้งเป้าลดจำนวนพนักงาน 1,700 คน โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ พร้อมตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากการประกอบการของทีโอทีเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท เนื่องจากได้เร่งให้พนักงานทำตลาดโทรศัพท์พื้นฐานและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งโครงการโทรศัพท์พื้นฐาน 560,000 เลขหมายได้ติดตั้งแล้วเสร็จมียอดขายแล้วร้อยละ 25