นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ยืนยันจะสามารถทำหน้าที่แทนนายยงยุทธได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีข้อบังคับการประชุมอยู่แล้ว ทั้งนี้ ต้องการเห็นสภาผู้แทนราษฎรมีความปรองดอง สมานฉันท์
พร้อมกันนี้ ขอชื่นชมสปิริตนายยงยุทธ รักษาศักดิ์ศรีของสถาบัน ยอมยุติบทบาทหน้าที่ของตนเอง ทั้งที่ศาลยังไม่ประทับรับฟ้องแต่อย่างใด จะห่วงก็แต่ตัวของนายยงยุทธ เกี่ยวกับการต่อสู้ทางคดี
อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ มีการนัดประชุมในเวลา 13.30 น. วาระสำคัญ คือการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างกลับไปยกร่างมาใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาหลักๆ คือ การกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา ทั้งหมด 32 คณะ จากเดิม 31 คณะ และมีกรรมาธิการคณะละ 15 คน อีกทั้งมีการกำหนดกรอบอำนาจหน้าที่ใหม่ๆ เช่น คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งต้องติดตามการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ว่า นายยงยุทธที่ประกาศว่าจะไม่ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธาน แต่จะเข้าร่วมประชุมในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง หรือไม่
พร้อมกันนี้ ขอชื่นชมสปิริตนายยงยุทธ รักษาศักดิ์ศรีของสถาบัน ยอมยุติบทบาทหน้าที่ของตนเอง ทั้งที่ศาลยังไม่ประทับรับฟ้องแต่อย่างใด จะห่วงก็แต่ตัวของนายยงยุทธ เกี่ยวกับการต่อสู้ทางคดี
อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ มีการนัดประชุมในเวลา 13.30 น. วาระสำคัญ คือการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างกลับไปยกร่างมาใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาหลักๆ คือ การกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา ทั้งหมด 32 คณะ จากเดิม 31 คณะ และมีกรรมาธิการคณะละ 15 คน อีกทั้งมีการกำหนดกรอบอำนาจหน้าที่ใหม่ๆ เช่น คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งต้องติดตามการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ว่า นายยงยุทธที่ประกาศว่าจะไม่ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธาน แต่จะเข้าร่วมประชุมในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง หรือไม่