น้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานและปิดที่ระดับเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร(20) จากนั้นก็ยังปิดขยับเพิ่มขึ้นอีกในวันพุธ(21) ทั้งๆ ที่มีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่า ความหิวกระหายในปิโตรเลียมของโลกน่าจะกำลังบรรเทาถดถอยลงแล้ว
การดีดขึ้นระลอกล่าสุดคราวนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนจำนวนมากในแวดวงน้ำมัน ซึ่งคาดหมายกันว่าราคาควรจะดิ่งลง เพราะคลังน้ำมันต่างๆ กำลังมีปริมาณเก็บสะสมสูงขึ้น อีกทั้งสหรัฐฯประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันทำให้ต้องการใช้พลังงานลดน้อยลง
นอกจากนั้น ราคาที่พุ่งแรงเช่นนี้ยังเท่ากับเพิ่มแรงกดดันให้องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ต้องประคับประคองนำเอา "ทองคำสีดำ" สู่ตลาดด้วยปริมาณสม่ำเสมอต่อไป แทนที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของบางชาติสมาชิกที่ให้ตัดลดผลผลิต
หากราคายังคงอ้อยอิ่งหรือขึ้นไปเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานอย่างเข้มข้น เช่น โรงกลั่นน้ำมันและสายการบิน ก็จะต้องมีต้นทุนสูงขึ้น และที่สุดแล้วผู้บริโภคก็ต้องร่วมแบกรับส่วนที่เกินขึ้นมานี้ด้วย
การดีดขึ้นระลอกล่าสุดคราวนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนจำนวนมากในแวดวงน้ำมัน ซึ่งคาดหมายกันว่าราคาควรจะดิ่งลง เพราะคลังน้ำมันต่างๆ กำลังมีปริมาณเก็บสะสมสูงขึ้น อีกทั้งสหรัฐฯประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันทำให้ต้องการใช้พลังงานลดน้อยลง
นอกจากนั้น ราคาที่พุ่งแรงเช่นนี้ยังเท่ากับเพิ่มแรงกดดันให้องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ต้องประคับประคองนำเอา "ทองคำสีดำ" สู่ตลาดด้วยปริมาณสม่ำเสมอต่อไป แทนที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของบางชาติสมาชิกที่ให้ตัดลดผลผลิต
หากราคายังคงอ้อยอิ่งหรือขึ้นไปเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานอย่างเข้มข้น เช่น โรงกลั่นน้ำมันและสายการบิน ก็จะต้องมีต้นทุนสูงขึ้น และที่สุดแล้วผู้บริโภคก็ต้องร่วมแบกรับส่วนที่เกินขึ้นมานี้ด้วย