นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยถึงการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ระดับ 7 มีชื่อร่วมในบันทึกการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ดังกล่าว ได้ให้การพร้อมนำพยานเข้ายืนยันว่า ไม่มีส่วนร่วมในการจับกุมผู้ต้องหาไปทำร้ายร่างกายและรีดไถเงิน ขณะเกิดเหตุจับกุมในกรุงเทพฯและสมุทรปราการ ก็ไม่ได้ออกนอกพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ดังกล่าว ยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้รู้จักสนิทสนมกับกลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และเคยร่วมดื่มสุราสังสรรค์กันบ่อยครั้ง จนทำให้ถูกนำชื่อไปใส่ในบันทึกการจับกุมหลายคดี ทั้งที่ไม่เคยร่วมการจับกุมจริง ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ไม่เคยได้รับส่วนแบ่งเงินรางวัลนำจับจากกลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์
นายกิตติ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ที่มีชื่อในบันทึกร่วมจับกุมกับกลุ่ม ร.ต.อ.ณัฏฐ์ คงต้องรอดูข้อเท็จจริงว่า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.หรือไม่ เพราะในแต่ละคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ พนักงานสอบสวนจะให้เจ้าทุกข์ชี้ตัวผู้ที่ร่วมจับกุม หากไม่มีการชี้ตัวเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ก็คงไม่มีผลกระทบใดๆ แต่ถ้ามีการตั้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมเป็นผู้ต้องหาในคดี ตนอาจต้องมีคำสั่งพักราชการระหว่างการสอบสวนคดีอาญา
นายกิตติ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ที่มีชื่อในบันทึกร่วมจับกุมกับกลุ่ม ร.ต.อ.ณัฏฐ์ คงต้องรอดูข้อเท็จจริงว่า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.หรือไม่ เพราะในแต่ละคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ พนักงานสอบสวนจะให้เจ้าทุกข์ชี้ตัวผู้ที่ร่วมจับกุม หากไม่มีการชี้ตัวเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ก็คงไม่มีผลกระทบใดๆ แต่ถ้ามีการตั้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมเป็นผู้ต้องหาในคดี ตนอาจต้องมีคำสั่งพักราชการระหว่างการสอบสวนคดีอาญา