นายเบน เบอร์นานกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ยอมรับระหว่างการเข้าให้ปากคำต่อกรรมาธิการธนาคารและการเงินของวุฒิสภา ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงชะลอตัวอย่างชัดเจน จากปัญหาวิกฤตการเงินในภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือซับไพรม์ ที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การจ้างงานลดลง ประชาชนยิ่งรัดเข็มขัดลดการใช้จ่ายลงยิ่งกว่าเดิม และสถานการณ์ยิ่งทรุดหนักเมื่อราคาน้ำมันแพง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อื่นๆ ก็ประสบกับปัญหานี้เช่นกัน
นอกจากนี้ สถาบันการเงินและธนาคารในสหรัฐฯ ยังจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินจากซับไพรม์เพิ่มขึ้นอีก โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังซบเซาต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ก่อนจะกลับมาขยายตัวอย่างคึกคักอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อย่างไรก็ดี เฟดพร้อมจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากก่อนหน้านี้ เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว จนอัตราดอกเบี้ยที่เคยอยู่ที่ 5.25 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ ดิ่งลงอีก 175.26 จุด ไปปิดที่ระดับ 12,376.98 จุด
นอกจากนี้ สถาบันการเงินและธนาคารในสหรัฐฯ ยังจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินจากซับไพรม์เพิ่มขึ้นอีก โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังซบเซาต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ก่อนจะกลับมาขยายตัวอย่างคึกคักอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อย่างไรก็ดี เฟดพร้อมจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากก่อนหน้านี้ เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว จนอัตราดอกเบี้ยที่เคยอยู่ที่ 5.25 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ ดิ่งลงอีก 175.26 จุด ไปปิดที่ระดับ 12,376.98 จุด