กลุ่มทหารที่แปรพักตร์บุกโจมตีบ้านของประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีติมอร์ เลสเต (ติมอร์ตะวันออก) ในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์(11) ส่งผลให้ประธานาธิบดีถูกยิงบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นต้องนำตัวเข้าผ่าตัดด่วนที่โรงพยาบาลในออสเตรเลีย อาการเข้าขั้นโคม่าต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ขณะที่นายกรัฐมนตรีหนีรอดออกมาได้ ด้านผู้นำออสเตรเลียและนิวซีแลนด์พร้อมส่งกำลังเพิ่มเติมไปยังติมอร์เลสเต เพื่อควบคุมสถานการณ์
ลังเกิดเหตุโจมตีบ้านพักผู้นำประเทศทั้งสองนั้น นายกรัฐมนตรีกุสเมาได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน อย่างน้อย 48 ชั่วโมง และประกาศเคอร์ฟิว
ทางด้านรัดด์ ประกาศว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะส่งกำลังทหารอีกจำนวนมากไปเสริมกำลังกองทหารออสเตรเลียที่ประจำการอยู่ในติมอร์ เลสเต จำนวน 800 นาย ซึ่งทำงานร่วมกันตำรวจของยูเอ็น 1,700 นาย เพื่อช่วยรักษาความสงบ
ขณะที่ฟิล กอฟฟ์ รัฐมนตรีกลาโหมของนิวซีแลนด์ กล่าวว่ากองทัพนิวซีแลนด์ได้ส่งกำลังไปช่วยรักษาความปลอดภัยบ้านของรามอส ฮอร์ตา และกุสเมา หลังเกิดเหตุ และยังจัดกำลังเสริมพร้อมเดินทางไปยังกรุงดิลี หากจำเป็น
ด้านฮัสซัน วิรายุดา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ความมั่นคงในติมอร์ เลสเต จะยังคงยุ่งเหยิงไม่สงบ ทั้งนี้ วิรายุดากล่าวว่าการเสียชีวิตของพันตรีเรนาโด แกนนำกลุ่มทหารแปรพักตร์น่าจะทำให้กลุ่มกบฏเหล่านั้นอ่อนแอลงและยอมวางอาวุธในที่สุด
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียกล่าวว่า ได้เพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงตลอดแนวชายแดนที่ติดกับติมอร์ เลสเต เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มทหารกบฏหนีเข้ามาได้
ทั้งนี้ เมื่อปี2006 พันตรีเรนาโดเป็นแกนนำกลุ่มทหารแปรพักตร์เข้าปะทะกับทหารและตำรวจที่ภักดีต่อรัฐบาลติมอร์ เลสเต เหตุการณ์ลุกลามไปสู่เหตุนองเลือดระหว่างประชาชนกลุ่มต่างๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 37 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 150,000 คน
ต่อมา พันตรีเรนาโดถูกจับกุมฐานแจกจ่ายอาวุธกฎหมาย ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ และพยายามฆ่า ทว่า นายทหารผู้นี้แหกคุกออกมาได้และก็รอดพ้นจากการจับกุมของทางกองทัพนับตั้งแต่นั้นมา
ลังเกิดเหตุโจมตีบ้านพักผู้นำประเทศทั้งสองนั้น นายกรัฐมนตรีกุสเมาได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน อย่างน้อย 48 ชั่วโมง และประกาศเคอร์ฟิว
ทางด้านรัดด์ ประกาศว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะส่งกำลังทหารอีกจำนวนมากไปเสริมกำลังกองทหารออสเตรเลียที่ประจำการอยู่ในติมอร์ เลสเต จำนวน 800 นาย ซึ่งทำงานร่วมกันตำรวจของยูเอ็น 1,700 นาย เพื่อช่วยรักษาความสงบ
ขณะที่ฟิล กอฟฟ์ รัฐมนตรีกลาโหมของนิวซีแลนด์ กล่าวว่ากองทัพนิวซีแลนด์ได้ส่งกำลังไปช่วยรักษาความปลอดภัยบ้านของรามอส ฮอร์ตา และกุสเมา หลังเกิดเหตุ และยังจัดกำลังเสริมพร้อมเดินทางไปยังกรุงดิลี หากจำเป็น
ด้านฮัสซัน วิรายุดา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ความมั่นคงในติมอร์ เลสเต จะยังคงยุ่งเหยิงไม่สงบ ทั้งนี้ วิรายุดากล่าวว่าการเสียชีวิตของพันตรีเรนาโด แกนนำกลุ่มทหารแปรพักตร์น่าจะทำให้กลุ่มกบฏเหล่านั้นอ่อนแอลงและยอมวางอาวุธในที่สุด
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียกล่าวว่า ได้เพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงตลอดแนวชายแดนที่ติดกับติมอร์ เลสเต เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มทหารกบฏหนีเข้ามาได้
ทั้งนี้ เมื่อปี2006 พันตรีเรนาโดเป็นแกนนำกลุ่มทหารแปรพักตร์เข้าปะทะกับทหารและตำรวจที่ภักดีต่อรัฐบาลติมอร์ เลสเต เหตุการณ์ลุกลามไปสู่เหตุนองเลือดระหว่างประชาชนกลุ่มต่างๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 37 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 150,000 คน
ต่อมา พันตรีเรนาโดถูกจับกุมฐานแจกจ่ายอาวุธกฎหมาย ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ และพยายามฆ่า ทว่า นายทหารผู้นี้แหกคุกออกมาได้และก็รอดพ้นจากการจับกุมของทางกองทัพนับตั้งแต่นั้นมา