สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างข้อมูลในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งได้รับการเผยแพร่วานนี้ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะเติบโตเพียงร้อยละ 4.1 ในปีนี้ ลดลงจากการคาดการณ์เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ร้อยละ 0.7 และลดลงจากระดับร้อยละ 4.9 เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ เป็นผลกระทบจากปัญหาหนี้เสียในตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐฯ และการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รายงานของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 1.5 ในปีนี้ จากตัวเลขประมาณการร้อยละ 1.9 เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว และจากระดับร้อยละ 2.2 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการบริโภค การจ้างงาน และการผลิตในประเทศที่ลดลงนับจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว
ไอเอ็มเอฟชี้ว่า แม้แต่อัตราการขยายตัวของกลุ่มเศรษฐกิจดาวรุ่ง เช่น จีน และอินเดีย ซึ่งจะเป็นจักรกลหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ก็มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในปีนี้ คือ จะเติบโตในระดับปานกลางร้อยละ 6.9 โดยเฉลี่ย จากระดับร้อยละ 7.8 เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 10 ในปีนี้ จากร้อยละ 11.4 เมื่อปีที่แล้ว
ไอเอ็มเอฟจัดทำรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีละ 2 ครั้ง โดยรายงานครั้งต่อไปจะได้รับการเผยแพร่ในเดือนเมษายนนี้
ไอเอ็มเอฟชี้ว่า แม้แต่อัตราการขยายตัวของกลุ่มเศรษฐกิจดาวรุ่ง เช่น จีน และอินเดีย ซึ่งจะเป็นจักรกลหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ก็มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในปีนี้ คือ จะเติบโตในระดับปานกลางร้อยละ 6.9 โดยเฉลี่ย จากระดับร้อยละ 7.8 เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 10 ในปีนี้ จากร้อยละ 11.4 เมื่อปีที่แล้ว
ไอเอ็มเอฟจัดทำรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีละ 2 ครั้ง โดยรายงานครั้งต่อไปจะได้รับการเผยแพร่ในเดือนเมษายนนี้