นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "สถานภาพคุณธรรมในทัศนะและแนวทางปฏิบัติของประชาชนคนไทยในสังคม" ว่าได้รวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 4,753 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-24 พฤศจิกายน 2550 พบว่าประชาชนที่ถูกศึกษามีค่าคะแนนคุณธรรม 6 ด้าน ได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา และความขยันหมั่นเพียร โดยรวมเท่ากับ 68.3 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนสูงกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 71.3 คะแนน และสติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนต่ำกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 63.6 คะแนน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำคุณธรรมความรักชาติเข้ามาศึกษาร่วมด้วย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนคุณธรรม 7 ด้าน ซึ่งได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา ความขยันหมั่นเพียร และความรักชาติ โดยรวมเท่ากับ 71.2 คะแนน โดยความรักชาติเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนสูงกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 78.6 คะแนน และสติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนต่ำกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 63.6 คะแนน
กลุ่มตัวอย่างที่ถูกศึกษาคุณธรรมด้านความมีวินัย ร้อยละ 86.1 มีความเอนเอียงที่จะไม่ยอมให้ข้อห้าม ข้อบังคับเล็กๆ น้อยๆ ของสังคม มาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ร้อยละ 65.3 มีความเอนเอียงที่คิดว่ากฎระเบียบของสังคมเป็นสิ่งที่ฝ่าฝืนได้ และร้อยละ 76.6 มีความเอนเอียงที่จะบอกว่าตนเองเป็นคนที่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ คุณธรรมด้านความรับผิดชอบ พบว่าร้อยละ 69.1 มีความเอนเอียงที่จะร่วมหาผู้รับผิดชอบให้ได้หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นโดยยกเว้นตัวเอง และกว่าร้อยละ 84.5 มีความเอนเอียงที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น คุณธรรมด้านความซื่อสัตย์สุจริต พบว่าร้อยละ 50.5 มีความเอนเอียงที่จะยอมรับได้หากรัฐบาลชุดใดโกงกินแล้วทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข ร้อยละ 48.3 มีความเอนเอียงที่จะยอมรับได้เรื่องการกินตามน้ำ/กินหัวคิว และร้อยละ 62.9 มีความเอนเอียงที่อาจจะไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตนเองบ้างหากมีความจำเป็น
คุณธรรมด้านสติสัมปชัญญะ พบว่าร้อยละ 83.7 มีความเอนเอียงที่จะไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้ละเอียดถี่ถ้วนเพราะอาจจะทำให้เสียโอกาสดีๆ ไป ร้อยละ 78.1 มีความเอนเอียงที่จะทำสิ่งต่างๆ ตามกระแสสังคมในทุกเรื่อง และร้อยละ 62.6 มีความเอนเอียงที่จะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา คุณธรรมด้านจิตอาสา พบว่าร้อยละ 53.1 มีความเอนเอียงที่คิดว่าการช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง ร้อยละ 85.2 มีความเอนเอียงที่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าตนเองได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม และร้อยละ 61.8 มีความเอนเอียงที่จะรู้สึกเขินอายเมื่อช่วยเหลือผู้อื่น คุณธรรมด้านความขยันหมั่นเพียร พบว่า ร้อยละ 68.2 มีความเอนเอียงที่จะเป็นคนประเภททำงานตามอารมณ์ และคุณธรรมด้านความรักชาติ พบว่าร้อยละ 70.7 มีความเอนเอียงที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้งไม่เคยขาด ร้อยละ 75 มีความเอนเอียงที่จะไม่เข้าร่วมกระบวนการใดๆ ที่ทำความเสียหายต่อประเทศชาติ ส่วนร้อยละ 44.8 มีความเอนเอียง ที่คิดว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องของคนใต้ ไม่เกี่ยวกับตนเอง
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ตัวอย่างที่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัดมีคุณธรรมโดยรวมสูงกว่าตัวอย่างที่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นค่าคะแนน 71.5 และ 69.2 คะแนน ตามลำดับ ส่วนตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลมีระดับคุณธรรมโดยรวมต่างกันเพียงเล็กน้อย และเมื่อพิจารณาคุณธรรมในแต่ละภูมิภาค พบว่าตัวอย่างภาคใต้มีคุณธรรมโดยรวมสูงกว่าภาคอื่นๆ รองลงมาเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำคุณธรรมความรักชาติเข้ามาศึกษาร่วมด้วย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนคุณธรรม 7 ด้าน ซึ่งได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา ความขยันหมั่นเพียร และความรักชาติ โดยรวมเท่ากับ 71.2 คะแนน โดยความรักชาติเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนสูงกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 78.6 คะแนน และสติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนต่ำกว่าคุณธรรมด้านอื่นๆ เท่ากับ 63.6 คะแนน
กลุ่มตัวอย่างที่ถูกศึกษาคุณธรรมด้านความมีวินัย ร้อยละ 86.1 มีความเอนเอียงที่จะไม่ยอมให้ข้อห้าม ข้อบังคับเล็กๆ น้อยๆ ของสังคม มาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ร้อยละ 65.3 มีความเอนเอียงที่คิดว่ากฎระเบียบของสังคมเป็นสิ่งที่ฝ่าฝืนได้ และร้อยละ 76.6 มีความเอนเอียงที่จะบอกว่าตนเองเป็นคนที่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ คุณธรรมด้านความรับผิดชอบ พบว่าร้อยละ 69.1 มีความเอนเอียงที่จะร่วมหาผู้รับผิดชอบให้ได้หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นโดยยกเว้นตัวเอง และกว่าร้อยละ 84.5 มีความเอนเอียงที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น คุณธรรมด้านความซื่อสัตย์สุจริต พบว่าร้อยละ 50.5 มีความเอนเอียงที่จะยอมรับได้หากรัฐบาลชุดใดโกงกินแล้วทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข ร้อยละ 48.3 มีความเอนเอียงที่จะยอมรับได้เรื่องการกินตามน้ำ/กินหัวคิว และร้อยละ 62.9 มีความเอนเอียงที่อาจจะไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตนเองบ้างหากมีความจำเป็น
คุณธรรมด้านสติสัมปชัญญะ พบว่าร้อยละ 83.7 มีความเอนเอียงที่จะไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้ละเอียดถี่ถ้วนเพราะอาจจะทำให้เสียโอกาสดีๆ ไป ร้อยละ 78.1 มีความเอนเอียงที่จะทำสิ่งต่างๆ ตามกระแสสังคมในทุกเรื่อง และร้อยละ 62.6 มีความเอนเอียงที่จะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา คุณธรรมด้านจิตอาสา พบว่าร้อยละ 53.1 มีความเอนเอียงที่คิดว่าการช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง ร้อยละ 85.2 มีความเอนเอียงที่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าตนเองได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม และร้อยละ 61.8 มีความเอนเอียงที่จะรู้สึกเขินอายเมื่อช่วยเหลือผู้อื่น คุณธรรมด้านความขยันหมั่นเพียร พบว่า ร้อยละ 68.2 มีความเอนเอียงที่จะเป็นคนประเภททำงานตามอารมณ์ และคุณธรรมด้านความรักชาติ พบว่าร้อยละ 70.7 มีความเอนเอียงที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้งไม่เคยขาด ร้อยละ 75 มีความเอนเอียงที่จะไม่เข้าร่วมกระบวนการใดๆ ที่ทำความเสียหายต่อประเทศชาติ ส่วนร้อยละ 44.8 มีความเอนเอียง ที่คิดว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องของคนใต้ ไม่เกี่ยวกับตนเอง
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ตัวอย่างที่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัดมีคุณธรรมโดยรวมสูงกว่าตัวอย่างที่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นค่าคะแนน 71.5 และ 69.2 คะแนน ตามลำดับ ส่วนตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลมีระดับคุณธรรมโดยรวมต่างกันเพียงเล็กน้อย และเมื่อพิจารณาคุณธรรมในแต่ละภูมิภาค พบว่าตัวอย่างภาคใต้มีคุณธรรมโดยรวมสูงกว่าภาคอื่นๆ รองลงมาเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามลำดับ